ใครทุจริตฟันไม่เลี้ยง! “อนุพงษ์”ลั่นอย่าเกรงใจมีข้อมูลให้บอกมา
“พล.อ.อนุพงษ์” ลั่นไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้นหากมีการทำทุจริต อย่าเกรงใจใครมีข้อมูลให้บอกมา ยันใครทำไม่ดีต่อชาติจะดำเนินการทุกอย่าง ชี้จุดสำคัญรัฐธรรมนูญต้องให้ทุกฝ่ายยอมรับ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระหว่างกระทรวงมหาดไทยร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งความวุ่นวายทางการเมือง ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ ล้วนเกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น ทำให้การบริหารงานการเมือง ไม่ส่งผลในทางปฏิบัติ ไม่ตอบสนองความต้องการประชาชน ทั้งนี้เราพยายามถ่ายทอดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้กำกับดูแลพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีผู้ตรวจราชการกระทรวง 12 คณะที่จะลงไปดูแลในแต่ละพื้นที่ โดยประชาชนก็ต้องช่วยดูแล เพราะมหาดไทยมีการดำเนินโครงการหลายโครงการ หากมีข้อมูลก็มาบอก หากมีใครมีการกระทำก็ต้องว่ากันไปตามผิด
“ผมไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ถ้ามีการผิดจะดำเนินการ ไม่เพิกเฉย ขอให้บอกข้อมูลมา และ ป.ป.ช. หากมีข้อมูลก็ขอให้แจ้งผมอย่าเกรงใจ อย่างที่ทราบว่ารัฐบาลอยู่ประมาณปีกว่า คนก็จะกำหนดและวางกรอบสิ่งที่ดี ๆ ในการทำงานของมหาดไทย และจะพยายามให้กำกับดูแลทั้งปกครองและท้องถิ่นให้ดีที่สุด แต่ประชาชนก็ต้องช่วยกันดูแล หากพบปัญหาก็แจ้งมา เพราะมีการดำเนินการอยู่หลายโครงการ” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่นักการเมืองท้องถิ่นอยู่เบื้องหลังการออกมาต่อต้านรัฐประหารของกลุ่มดาวดินว่า ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยก็มีการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปรองดอง ซึ่งหากมีการลงพื้นที่ก็จะมีการเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจ ว่าสิ่งใดทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อชาติ สิ่งใดที่ไม่ควรทำ
“ถ้าใครไปทำในสิ่งที่ส่งผลต่อประเทศชาติ เรียนว่า จะดำเนินการทุกอย่างที่ดำเนินการได้ เพราะว่าระยะนี้ประเทศเราอยู่บนความขัดแย้ง ถ้าอาศัยความขัดแย้งไปทำให้เกิดเหตุการณ์ ประเทศชาติก็เดินไปไม่ได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการป้องกันการต่อต้านตัวรัฐธรรมนูญที่กำลังจะออกมาอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จุดสำคัญของรัฐธรรมนูญคือ การมีผลในอนาคตทำให้สังคมยอมรับ ทุกภาคส่วนทุกฝ่ายที่อยู่ในความขัดแย้งหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง นักวิชาการผู้มีประสบการณ์ นักการเมือง ทำให้ได้ข้อยุติ ทะเลาะกันก่อน เถียงกันให้พอ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญออกมาอยากให้ทุกคนยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอรัฐธรรมนูญมีหลายประเด็นที่มีผลกระทบกับหลายองค์กร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ก็ให้เขาชั่งน้ำ หนักกันเอง เอาชาติเป็นหลัก สังคมต้องไปได้ ประชาชนมีความสุข ส่วนจะกระทบองค์กรใดบ้างนั้น ไม่ทราบประเด็นดังกล่าว เพราะส่วนนี้สมาชิกสภาปฏิรูปเป็นผู้หาเรื่องกันคุยกันละเอียดเพียงไหนไม่ทราบ
สำหรับการลงนามเอ็มโอยูในครั้งนี้นั้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือตามนโยบายรัฐบาลที่เกี่ยวกับแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และร่วมเสริมสร้างทัศนคติค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริตให้แก่สังคมไทย
โดยมีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ร่วมลงนามกับนายกฤษฎา บุณราช อธิบดีกรมการปกครอง นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดิน นายมนตรี นาคสมบูรณ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยมีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. และ พล.อ.อนุพงษ์ ร่วมเป็นสักขีพยาน
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.อ.อนุพงษ์ จาก peopleunitynews