"ประวุฒิ" เผย "นพพร" โผล่ปท.เพื่อนบ้าน! หลังโดนหมายจับคดีจ้างข่มขู่ลดหนี้100ล.
"ประวุฒิ"เผยรู้ที่อยู่ "นพพร" แล้ว หลังหลบหนีหมายจับคดีจ้างวานอดีตคนสกุล "อัครพงศ์ปรีชา" ช่วยข่มขู่ลดหนี้ 100 ล. ไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมประสานงานขอตัวกลับมา ชี้เบื้องหลังเลือกทางแก้ไขปัญหาผิด โผล่ชดใช้หนี้ทั้งหมดหลังเกิดเรื่อง แต่ "ผู้เสียหาย" ยันเอาเรื่องถึงที่สุด ไม่ยอมถูกอุ้มฟรี
จากกรณี นายนพพร ศุภพิพัฒน์ นักธุรกิจด้านพลังงานชื่อดัง ถูกระบุว่าเป็นผู้จ้างวานให้นายณัฐพล สุวดี (อัครพงศ์ปรีชา) นายณรงค์ สุวดี (อัครพงศ์ปรีชา) และพวก รวม 8 คน พา นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ผู้เสียหายมาเจรจาตกลงให้ลดหนี้ให้กับตนเอง จากยอดหนี้ 120 ล้านบาท ให้เหลือเพียง 20 ล้านบาท โดยให้ค่าตอบแทนเป็นเงินร้อยละ 10 ของยอดหนี้ที่ลดได้ ซึ่งในระหว่างการเจรจา มีการข่มขู่ผู้เสียหาย โดยการแอบอ้างเบื้องสูง และถูกออกหมายจับไปแล้วนั้น
ล่าสุด พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ยืนยันว่านายนพพร ศุภพิพัฒน์ ที่ถูกออกหมายจับ เป็นคนเดียวกับนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังลมรายใหญ่ของประเทศไทย
โดยมีการออกหมายจับไปแล้วตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 30 พ.ย.57 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้รับรายงานว่านายนพพร ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้วว่า อยู่ในประเทศไหน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประสานงานเพื่อขอตัวกลับมาดำเนินคดี
"ตอนนี้เขาหลบหนีออกไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทยประเทศหนึ่ง เรากำลังอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อขอให้ส่งตัวกลับมา น่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้"
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายนพพร เป็นนักธุรกิจชื่อดัง มีเงินจำนวนมาก ทำไมต้องกู้เงินและจ้างวานให้มีกลุ่มคนมาเจรจาข่มขู่การปรับลดหนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า "เขาเลือกทางผิด เพราะในข้อเท็จจริงหลังจากเกิดเหตุแล้ว นายนพพร ก็นำเงินจำนวน 120 ล้านบาท มาคืนกลับผู้เสียหายแล้วทั้งหมด แต่ในส่วนของผู้เสียหายเขาไม่ยอม มองว่าเรื่องใช้หนี้ก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องการส่งคนข่มขู่ ยอมไม่ได้ จึงมีการแจ้งความดำเนินคดี"
แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า ก่อนหน้าที่จะมีการออกหมายจับนายนพพร นั้น ทางฝ่ายสืบสวนได้มีการเชิญตัวนายนพพร มาสอบปากคำไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยนายนพพร เดินทางมาพร้อมทนายความ เบื้องต้นให้การยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะมีการจ้างวานใครให้มาอุ้มผู้เสียหาย เพียงแต่ไปบ่นให้กลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันฟังว่าเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น และก็มีคนมาติดต่อว่าจะเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ให้ และไม่รู้ข้อมูลว่าผู้ที่มาเคลียร์ปัญหาให้เป็นใครบ้าง
ส่วนการติดตามตัวนายนพพร มาดำเนินคดีนี้ ขณะนี้มีการส่งฝ่ายสืบสวนกระจายกำลังเข้าไปเฝ้าดู ตามที่อยู่ และบริษัทของนายนพพร เพื่อดูความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดแล้ว ส่วนการกู้เงินดังกล่าวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของนายนพพรหรือไม่ ยังไม่มีข้อมูล
ล่าสุด ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐกิจที่อายุน้อยที่สุด ติดอันดับที่ 31 ใน 50 มหาเศรษฐีประจำปี 2557 ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสารฟอร์บไทยแลนด์ (FORBES THAILAND) ที่ร่ำรวยจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม และ มีมูลค่าทรัพย์สิน 26,076 ล้านบาท
นอกจากเป็นประธานบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ แล้ว เขายังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ผ่านบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น ซึ่งถืออยู่ในวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ กว่า 63% ขณะที่บริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยีฯเป็นบริษัทที่นายนพพรถือหุ้นอยู่มากถึง 74.5% ร่วมกับบริษัท เน็กซ์ โกลบอล อินเวสต์เมนท์ในฮ่องกงที่ถืออยู่ 24.5 %
"นายนพพร หรือ “นิค” อายุเพิ่งจะ 43 ปี ครองตัวเป็นโสด ฟอร์บระบุว่า เขาเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมพลังงานจากลม ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดในบรรดาเศรษฐีหน้าใหม่ 9 คนที่ถูกจัดอันดับในปีนี้ เขาก่อตั้งและถือครองหุ้นกว่า 2 ใน 3 ของบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ ธุรกิจที่สร้างพลังงานไฟฟ้า 420 ล้านวัตต์ส่งขายให้ กฟผ. พร้อมกับแผนขยายกำลังการผลิตแตะ 1,000 ล้านวัตต์ ภายในปี 2561 ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียอาคเนย์"
"ก่อนหน้านี้ นายนพพรวัยเพียงแค่อายุ 21 ปีสามารถโกยเงินจากตลาดหลักทรัพย์ได้เกือบ 26 ล้านบาท ก่อนจะสูญทั้งหมดไปกับการทำนิตยสาร และ ตั้งต้นใหม่กับธุรกิจพลังงานทางเลือกในปี 2548 ด้วยการสนับสนุนเงินทุนจาก “ประเดช กิตติอิสรานนท์”
ขณะที่กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เคยนำเสนอข้อมูลว่า บริษัทธุรกิจพลังงาน ในเครือข่ายของนายนพพร เคยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในการทำโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม คือ โครงการเวสต์ ห้วยบง 2 และเวสต์ ห้วยบง 3 มี บริษัท เค.อาร์.ทู และ บริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ เป็นเจ้าของโครงการ ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ถือหุ้นโดย บริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ 60% บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง 20% และ บริษัท จูบุ อิเล็คทริค พาวเวอร์ โคราช บีวี 20% ซึ่งส่วนของบริษัท อีโอลัส พาวเวอร์ มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ซึ่งถือหุ้น 74% และบริษัท เด็มโก้ ถือหุ้น 26% ส่งผลให้โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเวสต์ ห้วยบง 2 และเวสต์ ห้วยบง 3 มีบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของโครงการ และเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้
(อ่านประกอบ : เปิด 12 บริษัท"นพพร"มือจ้างอดีตคนสกุลอัครพงศ์ปรีชาอ้างเบื้องสูงเจรจาลดหนี้ 100 ล.)