ตร.รวบเพิ่มอีก 5 รายอ้างเบื้องสูงทวงหนี้-กรรโชกทรัพย์เครือข่าย“พงศ์พัฒน์”
โฆษก ตร. เผยรวบเพิ่มอีก 5 ผู้ต้องหา แอบอ้างเบื้องสูงทวงหนี้-หน่วงเหนี่ยวกักขัง-กรรโชกทรัพย์ เครือข่าย “พงศ์พัฒน์” จ่อฟันคดีตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าออกหมายจับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการกองสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ว่า จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสถาบันฯ ได้มีการทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่า มีผู้ร่วมกระทำความผิดปรากฏรายชื่อดังนี้ 1.นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 2.นายสิทธิ์ศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา 3.นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา 4.นายสุทธิ์ศักดิ์ สุทธิจิตต์ และ 5.นายชากานต์ ภาคภูมิ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาล ซึ่งศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำ หรือบุคคลอื่น และร่วมกันลักทรัพย์” โดยเหตุเกิดในเขตรับผิดชอบของ สน.พระโขนง และขณะนี้กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดได้ถูกจับกุมแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย
(ที่มาข่าว : http://www.thairath.co.th/content/465686)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงานว่า สำหรับนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ปรากฎชื่อตรงกับชื่อของว่าที่ พันตรี ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 20 รายชื่อ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2557 ให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ช่วยราชการ กองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำนักพระราชวัง ที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา
(อ่านประกอบ : พระราชทานเครื่องราชฯให้ ตร. ช่วยราชการฯในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ 20ราย )
ทั้งนี้ เมื่อรวบรวมรายชื่อผู้ร่วมกระทำผิดในเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทั้งหมดจนถึงขณะนี้มีทั้งสิ้น 17 ราย แบ่งเป็น ออกหมายจับกุมเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2557 10 ราย แบ่งเป็น 1.พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 2.พล.ต.ท.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. 3.พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน 4.พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ 5.พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล 6.ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา 7.ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง 8.นางสวงค์ มุ่งเที่ยง 9.นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช 10.นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 อีก 2 ราย คือ นายชอบ ชินนะประภา และนางปิยพรรณ ชินนะประภา และเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 อีก 5 ราย ปรากฏตามรายงานข่าวข้างต้น
ในวันเดียวกัน พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ได้มีการจับกุม 5 ผู้ต้องหาในขบวนการเดียวกับพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ซึ่งเป็นเครือญาติกัน คือ นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา , นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา , นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา, นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ , และนายชากานต์ ภาคภูมิ ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพ และถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ระหว่างการทำสำนวน และจะนำตัวฝากขังต่อศาลต่อไป ในเบื้องต้นไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง5คน มีพฤติการณ์เป็น ขบวนการทวงหนี้ และมีความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใดใดและไม่กระทำการใดใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ รวมถึงมีอาวุธร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำการใดใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมกันลักทรัพย์”
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ ยังได้พาผู้สื่อข่าวมาติดตามการจัดเก็บทรัพย์สินที่ยืดได้ เช่น พระพุทธรูป ทองคำ เพชร งาช้าง ซึ่งถูกเก็บไว้ในความดูแลของทหาร จึงมั่นใจได้ในการรักษาความปลอดภัย รวมถึงมีการเปิดเผยว่า ทรัพย์สินทั้งหมดที่ตำรวจนำมาเปิดเผยเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีอีกมากที่ไม่ได้นำมาแสดงเนื่องจากต้อง รอการดำเนินการของตำรวจ รวมถึงมีทรัพย์สินที่ตรวจพบและยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น ไม้สัก และไม้ยาง จำนวนมาก ซึ่งหากใช้รถสิบล้อขนถ่าย พลตำรวจเอหสมยศคาดว่าจะต้องใช้เวลาขนย้าย 60-80คัน
นอกจากนั้น ยังได้ พลตำรวจเอก จรัมพร สุระมณี อดีตที่ปรึกษาสบ.10 ได้นำ จนท.ด้านนิติวิทยาศาสตร์ มาเก็บดีเอ็นเอ บนของกลางทั้งหมดเพื่อนำไปขยายผลเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคนใดบ้าง
หลังการทำบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดเสร็จสิ้น ตร.จะส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล เช่น กรมศิลปากร จะดูแล วัตถุโบราณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือปปง. ดูแลทรัพย์สินที่ได้จากการฟอกเงิน และพนง สอบสวน จะเก็บทรัพย์สินบางส่วนที่เกี่ยวกับคดีได้ดำเนินการขยายผลต่อ ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอจะเข้ามาดูแลคดีด้วย
(ที่มา : http://www.js100.com/en/site/news/view/8249)
อ่านประกอบ : "สมยศ" ลั่นใหญ่แค่ไหนก็ต้องจับ-โชว์ทรัพย์สิน "พงศ์พัฒน์-พวก” ซุก2พันล.