เสี่ยง!! อดีตเลขาธิการก.พ.ร. ชี้อย่าหวังฝากผีฝากไข้ไว้กับระบบราชการ
อดีตเลขาธิการก.พ.ร.หวังเห็นระบบราชการไทย ทำงานมีประสิทธิภาพให้บริการประชาชนอย่างรวดเร็ว โปร่งใส กระชับคล่องตัว ทันโลก ทันสมัย ทำงานแบบมืออาชีพ ไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง
วันที่ 25 พฤศจิกายน มูลนิธิอัศนี พลจันทร (นายผี) จัดงานสืบสานอุดมการณ์นายผี-อัศนี พลจันทร ครั้งที่ 3 พร้อมมอบรางวัลอัศนี พลจันทรประจำปี 2557 ณ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ สำหรับปีนี้รางวัลอัศนี พลจันทร มีผู้ได้รับรางวัล 3 สาขา ได้แก่ 1.สาขานักการเมืองดีเด่น ได้แก่ นายพิชัย รัตตกุล 2.สาขากวีดีเด่น ได้แก่ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ3.สาขานักรัฐประศาสนศาสตร์ ได้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งถึงการปฏิรูประบบราชการที่ดูเป็นเรื่องยากลำบาก และแม้จะเคยพยายามปรับเปลี่ยนระบบราชการหลายอย่างด้วยความตั้งใจและอดทน ก็มีเรื่องที่สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง การปฏิรูประบบราชการที่ผ่านมาจึงยังเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง มีอีกหลายสิ่งที่จะต้องปรับต้องเปลี่ยน และจะต้องสร้างข้าราชการทุกคนให้ได้ตามหลักของท่านอัศนี จันทร คือรักความยุติธรรม รักปวงประชา รักมาตุภูมิ ต้องนำอุดมการณ์นี้มาสร้างและขับเคลื่อนราชการไทยต่อไป
อดีตเลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวถึงสิ่งที่จะต้องปฏิรูปในระบบราชการ คือ ระบบราชการเป็นระบบที่ใหญ่โต มีพลังมีอำนาจมากจำเป็นจะต้องทำให้เล็กลงโดยการให้เอกชน ชุมชน ท้องถิ่นเข้ามาช่วยรับช่วง ข้าราชการต้องลดความรักในภาระกิจ "ไม่หวง" ในสิ่งที่ท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้และต้องหาพันธมิตรมาช่วยทำงาน นอกจากนี้การจัดการความสัมพันธ์ส่วนกลาง หรือการกระจายอำนาจหน้าที่จะต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่า ใครคือคนกำกับดูแลเพื่อประโยชน์ของประเทศ ซึ่งอย่างไรก็ตามยังเห็นว่า การมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นสิ่งที่จะต้องมีเพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบังคับใช้และกำกับดูแลให้เกิดความสงบ
“ที่สำคัญการปกครองแบบบนล่างจะต้องกระจายอำนาจให้ประชาชนเพื่อให้เกิดการถ่วงดุลให้ระดับท้องถิ่น ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมรับฟังเสียงของประชาชนและอาจจะจัดตั้งสภาพลเมืองซึ่งจะต้องมีทุกระดับ”
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับการบริหารนั้น ดร.ทศพร กล่าวว่า บางครั้งเราตั้งสมมติฐานว่าการเมืองไม่ดี ข้าราชการดีกว่า ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ใช่ ดังนั้นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายคือจะหาความพอดีระหว่างเป็นนักการเมืองที่ดีและธำรงระบบราชการมีธรรมาภิบาลต่อไปได้
"หากจะฝากผีฝากไข้ไว้กับระบบราชการ ข้าราชการดีปกป้องประเทศเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงเพราะไม่ใช่ว่าข้าราชการทุกคนจะเป็นคนดีทั้งหมด ระหว่างส่วนผสมที่คลุกเคล้าที่เกิดขึ้นในขณะนี้หากอิงสมมติฐานจะเกิดอันตรายกับประเทศได้ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมืองและภาคระบบราชการที่จะต้องยึดระบบคุณธรรมอย่างเคร่งครัด"อดีตเลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าว พร้อมหวังว่า จะเห็นระบบราชการไทยเป็นระบบที่ดีทำงานมีประสิทธิภาพให้บริการประชาชนอย่างรวดเร็ว มีความโปร่งใส กระชับคล่องตัว ทันโลก ทันสมัย ทำงานแบบมืออาชีพและไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง
ด้านนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนทุกคนเกิดมาย่อมมีเกียรติมีศักดิ์ศรีแต่อยู่ที่ว่าจะรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีได้ดีเพียงใด ซึ่งกับได้รับรางวัลอัศนี จันทร ในสาขานักการเมืองดีเด่น รู้สึกว่า แท้จริงเราเป็นเพียงนักการเมืองเล็กๆคนหนึ่งไม่ได้มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ แต่หากพูดอย่างตรงไปตรงมาคือที่ผ่านมาไม่มีประวัติสกปรกเลยทำให้ได้รับรางวัลนี้ ทั้งๆที่เป็นคนไม่พิเศษอะไรเลย
"สมัยก่อนช่วงที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมสภามีการอภิปรายเกี่ยวกับการจะขึ้นราคาสินค้าของจอมพลถนอม กิตติขจร ผมเป็นคนหนึ่งที่ลุกขึ้นคัดค้านและกล่าวว่า การทำนโยบายเช่นนี้เป็นการกระทำที่บัดซบมาก แต่ด้วยความสำนึกผิดที่พูดจารุนแรง พอออกมาจากรัฐสภาผมก็เข้าไปกราบที่ตักของท่านและขอโทษ การเมืองสมัยก่อนสู้กันในสภาพอออกมาก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่เหมือนการเมืองที่เป็นอย่างทุกวันนี้"
ขณะที่นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อ่านบทกวีแสดงตัวตนของนายอัศนี พลจันทร ผ่านบทกลอนไปศาจบดี ซึ่งคำว่าไปศาก็คือปีศาจบดีก็คือนาย ซึ่งหมายถึงนามปากกานายผี ของอัศนี พลจันทร
ขอบคุณภาพจากเฟชบุ๊กอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์