รมว.อุตฯ เล็งเสนอสร้างเหมืองแร่โปแตซให้ ครม. พิจารณาก่อนปลายปี
รมว.อุตฯ เตรียมเสนอสร้างเหมืองแร่โปแตซให้ ครม. พิจารณาปลายปีนี้ คาดหากผ่าน นักลงทุนจะเข้าไทยทันที นำร่องชัยภูมิ สกลนคร
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจจัดงาน “ปฏิรูปอุตสาหกรรม ปฏิรูปเศรษฐกิจไทย” ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความคืบหน้าหลังจากที่ได้เดินทางไปศึกษาดูเทคโนโลยีการทำเหมืองแร่โปแตซ ในประเทศเยอรมัน เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า หากปี 2558 มีการให้ประทานบัตรเหมืองแร่โปแตซ การลงทุนจะเริ่มเข้าประเทศ และจะสร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เหมืองแร่โปแตซอาเซียน จำกัดร้อยละ 20% ซึ่งการซื้อหุ้นของกระทรวงการคลังดังกล่าวจะส่งผลให้ไทยกลายเป็นแหล่งผลิตโปแตซที่ดีที่สุดในอาเซียน อีกทั้งมีการจ้างงานในประเทศอีกจำนวนมาก โดยพื้นที่แรกที่คาดว่าเริ่มทำคือ จังหวัดชัยภูมิ
“การทำเหมืองแร่โปแตซสามารถลดนำเข้าโปรแตซจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทุนขนาดใหญ่ หากทุกอย่างเป็นไปตามคาด ไทยได้ประโยชน์ทั้งในแง่ของการลงทุนและประหยัดการนำเข้าโปแตซ เพราะราคาของแร่ขณะนี้สูงหากสามารถผลิตได้จะทำให้แร่ถูกลง อีกทั้งยังสามารถส่งไปขายในต่างประเทศได้อีกด้วย” รมว.อุตสาหกรรม กล่าวและว่า คาดว่าไม่เกินภายในปีนี้จะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
เมื่อถามถึงกระแสต่อต้านกังวลหรือไม่นั้น นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า การที่ได้ไปศึกษาดูงานที่เยอรมันเห็นว่า ไม่มีปัญหาอะไร มีทั้งโบสถ์และลำธารอยู่ใกล้ที่ตั้งเหมืองแร่ ส่วนที่กังวลในด้านของภูมิอากาศที่ไทยไม่เหมือนกับเยอรมันนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะจะนำโปแตซที่ออกมาไปฝังกลบ
"ในเยอรมันไม่มีการนำไปฝังกลบ เนื่องจากแร่ที่ออกมานั้นไม่มีแร่ที่เป็นสารพิษแต่อย่างใด มีเพียงเกลือเป็นส่วนประกอบ แต่ในไทยจะมีการฝังกลบซึ่งต้องใช้งบประมาณที่สูง ซึ่งทำเพื่อไม่ให้ปัญหาต่างๆตามมาที่หลัง"
ทั้งนี้ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า หากในจังหวัดชัยภูมิสำเร็จ จะขยายไปที่จังหวัดสกลนครเป็นพื้นที่ที่สองต่อไป
นอกจากนี้นายจักรมณฑ์ กล่าวถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2558 ว่า จะขยายตัวประมาณ 3-4 % ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 6% เนื่องมาจากการเมืองภายในประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 2558 ทำให้คู่ค้ามีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน อีกทั้งเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะปรับตัวดีขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากในหลายๆปัจจัยด้วยกัน เช่น ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวลดลง เป็นต้น