นายกฯ ขอจีนซื้อสินค้าเกษตร -ช่วยสอดส่องมือดีนำข้าวไทยคุณภาพต่ำขายปะปน
นายกฯ ย้ำชัดสร้างทางรถไฟ ทั้งแบบทางคู่ ทางมาตรฐาน ไปถึงความเร็วปานกลาง หารือในหลักการกับจีนแล้ว เล็งตั้งคณะทำงานร่วมกัน พร้อมรับฟังความเห็นประชาชน
วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน เวลา 20.15 น.พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
ตอนหนึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้าพบผู้นำจีน ในเวทีการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 9 - 11 พฤศจิกายน 2557 รวมถึงได้พบกับภาคเอกชนจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ในส่วนของสินค้าเกษตร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ขอให้จีนช่วยกำกับดูแลและอำนวยความสะดวกต่อการนำเข้าสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ไทย ข้าวไทย ซึ่งวันนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน ก็ขอให้เขาช่วยทำกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด สอดส่องดูแลไม่ให้มีใครนำข้าวไทยคุณภาพต่ำไปขายปะปนกับข้าวคุณภาพดี อันนี้ก็คงต้องสอบสวนกันต่อไปทั้งต้นทาง ปลายทาง และการกำกับดูแลเรื่องการขนส่ง
"ในการพบปะหารือผมให้เป็นการพูดคุยกันแบบเต็มคณะ มีการพูดคุยอย่างเปิดเผย ไม่มีวาระแอบแฝง และย้ำกับทุกท่านที่ได้พบว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในการจัดระเบียบประเทศให้เกิดความยั่งยืน เรากำลังเร่งดำเนินการ ในเรื่องที่เร่งด่วนตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งในโอกาสต่อไป "
จีนสนใจสร้างรถไฟทางคู่
เรื่องของความร่วมมือในการสร้างทางรถไฟ ทั้งแบบทางคู่ ทางมาตรฐาน ไปถึงความเร็วปานกลาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่พูดเรื่องรถไฟความเร็วสูง จะพูดความเร็วปานกลางก่อน โดยมีการหารือในหลักการ แน่นอนว่าประเทศจีนสนใจในโครงการนี้ เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมต่อ Connectivity ทำให้คนไปมาหาสู่กันได้มากขึ้น มีการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงถึงกันในระหว่างประชาคมที่ห่างไกล
"รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเรื่องจำเป็น เป็นอนาคตของประเทศ ถ้าไม่ทำวันนี้ วันหน้าก็ต้องทำอยู่ดี ราคาก็จะแพงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันความร่วมมือต่าง ๆ ก็จะไปที่ประเทศอื่นหมด เพราะฉะนั้นเราต้องรีบทำให้เกิดความโปร่งใส และแน่ใจว่าคุ้มค่า อย่าคอร์รัปชั่นกัน ไม่ให้เกิดหนี้สาธารณะ ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ มีความรับผิดชอบ" นายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า ฉะนั้นไทยก็สนใจที่จะคุยเรื่องรถไฟขนาดรางมาตรฐาน และรถไฟฟ้าความเร็วปานกลางกับจีน ก็คงไม่ใช่เส้นเดียว มีหลายเส้นทาง หลายประเทศ ก็คงเป็นการพูดคุยเจรจาหารือกัน ตั้งคณะทำงานร่วมกัน ในการที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่มีปัญหาในเรื่องของงบประมาณในการลงทุน ก็มีหลายธนาคาร หลายแหล่งเงินกู้ ซึ่งประเทศมหาอำนาจก็มีกองทุนเหล่านี้อยู่บ้างพอสมควร กองทุนเกี่ยวกับเรื่อง Infrastructure มีการตั้งขึ้นมาใหม่หลายกองทุนด้วยกัน วันนี้เราก็คุยในเรื่องหลักการไปก่อน รายละเอียดมีอีกมากมาย เรื่องรูปแบบการลงทุน การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ประชาพิจารณ์ เราจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อไป"
สำหรับการพูดคุยกับผู้นำหลายประเทศในลักษณะทวิภาคี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นสำคัญก็คือในเรื่องของปัญหาการอุดหนุนราคาหรือการ Subsidize ทุกประเทศมีปัญหาหมด ไม่ว่าจะเป็น สินค้าทางการเกษตร ราคาน้ำมัน ราคาเชื้อเพลิง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีปัญหาเดียวกัน วันนี้ทุกรัฐบาลก็กำลังแก้ปัญหาอยู่เช่นเดียวกัน และก็ยกเลิกไปเกือบหมดแล้ว หลาย ๆ ประเทศก็พยายามทำอยู่ ก็ติดปัญหาเรื่องประชาชน
ยันทำข้อตกลงทางการค้าไม่ให้เสียศักดิ์ศรี
ในเรื่องการหารือเป็นคณะใหญ่ ทั้งหมด 21 คณะนั้น เป็นการที่ผู้นำระดับ นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี เป็นการพูดคุยในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้แสดงความกังวลไว้ว่า เราอาจเสียประโยชน์ไปบ้างประเทศในอาเซียน "อันนี้ก็ต้องพูดคุยกันให้ชัดเจน ก็ขอยืนยัน ประเทศเราเป็นประเทศเล็กแต่เราก็ต้องมีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นข้อตกลงทั้งหมดต้องตั้งอยู่กับความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ลดความหวาดระแวง มีผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันและยั่งยืน"
"การทุจริต การคอร์รัปชั่นจะต้องไม่เกิดขึ้นในทุกโครงการแล้วก็บอกว่าก็จะดำเนินการในลักษณะเป็น G2G ถ้าหากเป็นอย่างอื่นก็ต้องรับทราบ รับผิดชอบกัน โดยรัฐบาลต่อรัฐบาลต้องเป็นผู้รับทราบ อันนี้ทางรัฐมนตรีของเราก็ได้ไปร่วมการประชุมด้วยทุกครั้งก็รับทราบและบันทึกไว้แล้ว เพื่อนำสู่การปฏิบัติ"