มหาดไทยฟัง! กฤษฎีกาชี้ชัด ผู้ประกันตน มีสิทธิ์ได้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
กฤษฎีกา ฟันธงผู้ประกันตนไม่มีลักษณะต้องห้าม รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ แนะควรแก้ไขระเบียบพรบ.ผู้สูงอายุให้ชัดหลักเกณฑ์ไหน ได้รับเงินเบี้ยยังชีพ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เผยแพร่บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง แนวทางการปฏิบัติในการจ่ายเงินตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย หลักเกณฑ์ การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๒
จากที่กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือ ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งและผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้สอบถามแนวทางการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๒ ว่าผู้ประกันตนสามารถรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้หรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า การดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นอำนาจหน้าที่ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดหน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งออกตามความในมาตรา ๑๑ วรรคสอง[๑] แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ที่ได้กำหนดให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการเพื่อการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นรายเดือนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และข้อ ๖ (๔)[๒] แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไว้ในทำนองเดียวกันกับข้อ ๕ (๓)[๓] แห่งระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๙ (๘)[๔]แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖
สำหรับปัญหาว่าผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพสามารถรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้หรือไม่นั้น
คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้พิจารณาข้อหารือของกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่า
แม้ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพจากกองทุนประกันสังคมก็มิใช่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ ผู้ประกันตนดังกล่าวจึงเป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๖ (๔)[๘] แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๒
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุเป็นรายเดือนเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมตามที่มาตรา ๑๑ (๑๑)[๙] แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้กำหนดไว้ สมควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวโดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้สูงอา ยุซึ่งไม่มีรายได้ มีรายได้ต่ำ หรือไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดู ได้รับเงินเบี้ยยังชีพ เพื่อให้สมดังจุดมุ่งหมายของการใช้บังคับกฎหมายผู้สูงอายุต่อไป