มติข้างมากป.ป.ช.ชงถอด 38 ส.ว.แก้รธน. พบสนช.-สปช.ล่าสุดมีชื่อด้วย!
ป.ป.ช. มีมติข้างมากชงคดี 38 ส.ว. แก้รธน.ที่มา ส.ว. ให้ สนช. ถอดถอน พบ สปช.-สนช. ล่าสุดติดโผ ยันทำตามกฎหมาย เป็นเรื่องที่ชี้มูลก่อนเกิดรัฐประหาร ใช้ช่องตามประกาศ คสช. ผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.-รธน.ชั่วคราวเขียนชัดทำหน้าที่แทนวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณากรณีกล่าวหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 38 คน ว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกรณีร้องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. …. ในประเด็นเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. โดยที่ประชุมมีมติให้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมเอกสาร และความเห็นของเรื่องนี้ไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก เห็นว่า สำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องขอให้ถอดถอนในส่วนของ ส.ว. ออกจากตำแหน่งนั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติวินิจฉัยและดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดจนเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศ และมีประกาศ คสช. ฉบับที่ 11/2557 เรื่องการสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 จะสิ้นสุดลง แต่การที่ คสช. ได้มีประกาศฉบับที่ 24/2557 ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มีผลบังคับใช้ต่อไป ประกอบกับคดีดังกล่าวมีข้อกล่าวหาที่ครอบคลุมถึงการกระทำความผิดที่ถูกถอดถอนตามกฎหมายอื่น
นอกจากการร้องขอถอดถอนตามรัฐธรรมนูญที่สิ้นสุดลงไปด้วยแล้ว จึงทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่ง ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. ออกจากตำแหน่งได้ตามมาตรา 58 ทั้งต่อมาได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ซึ่งมาตรา 6 ได้บัญญัติให้ สนช. ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา นอกจากนี้ สนช. ได้มีการตราข้อบังคับการประชุมตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นการดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 64
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่เหลือ ส.ว. เพียง 38 คนนั้น เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายน 2557 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ส.ว. จำนวน 36 คน ก่อนที่อีกไม่กี่วันต่อมาจะชี้มูลความผิดเพิ่มอีก 3 คน รวมเป็น 39 คน อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ป.ป.ช. ได้เผยแพร่เอกสารถึงสื่อมวลชนเพื่อขอแก้ไขข้อมูลกรณีชี้มูลความผิด ส.ว. เหลือ 2 คน รวมทั้งสิ้นเหลือเพียง 38 คน
รายชื่อ ส.ว. ทั้ง 38 คน มีดังนี้
1.นายประสิทธ์ โพธสุธน 2.นายสมชาติ พรรณพัฒน์ 3.พลตำรวจตรีองอาจ สุวรรณสิงห์ 4.นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 5.นายประวัติ ทองสมบูรณ์ 6.นายกฤช อาทิตย์แก้ว 7.นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธ์ 8.พลตำรวจโทพิชัย สุทรสัจบูลย์ 9.นายโสภณ ศรีมาเหล็ก 10.นายภิญโญ สายนุ้ย
11.นายต่วนอับดุลเล๊าะ ดาโอ๊ะมารียอ 12.นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ 13.นายสุเมธ ศรีพงษ์ 14.พันตำรวจโทจิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ สมาชิก สปช. 15.นายสุรพงษ์ ตันธนศรีกุล 16.นายพีระ มานะทัศน์ 17.พลตำรวจเอกโกวิท ภักดีภูมิ 18.นายประดิษฐ์ ตันวัฒนะพงษ์ 19.พลตรีกลชัย สุวรรณบูรณ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 20.นายสิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล
21.ผู้ช่วยศาสตร์ตราจารย์วรวิทย์ บารู 22.นายสุโข วุฑฒิโชติ 23.นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง 24.นายสุวิศว์ เมฆเสรีกุล 25.นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง 26.นายรักพงษ์ ณ อุบล 27.นายบวรศักดิ์ คณาเสน 28.นายจตุรงค์ ธีระกนก 29.นายสุริยา ปันจอร์ 30.นายถนอม ส่งเสริม
31.นายบุญส่ง โควาวิสารัช 32.นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง 33.นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ 34.นายวรวิทย์ วงษ์สุวรรณ์ 35.นางภารดี จงสุขธนามณี 36.พลโทพงศ์เอก อภิรักษ์โยธิน 37.นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร 38.นายวิทยา อินาลา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 272 ระบุว่า กำหนดให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนับแต่วันที่ถูกชี้มูล จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้ จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ ทั้งนี้น่าสังเกตว่า นายดิเรก พ.ต.ท.จิตต์ และพล.ต.กลชัย อดีต ส.ว. ทั้ง 3 คน จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เนื่องจาก รัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่มีอยู่แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. ยังไม่มีมติพิจารณากรณี 3 อดีต ส.ว. เนื่องจากเพิ่งทราบในรายชื่อ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าสำหรับ สปช. ทั้ง 2 คนนั้น ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง