พล.อ.ประยุทธ์: รธน.ฉบับใหม่ปชช.คือศูนย์กลาง ขีดเส้น 120 วันต้องเสร็จ
"..ถ้าเรามีศูนย์กลางอยู่ที่ประชาชนทุกงานทุกกระทรวง ประชาชนคือศูนย์กลางจะคิดออกหมด ไม่ใช่นำมาเพื่อความขัดแย้ง ไม่ใช่นำมาเพื่อให้มีการต่อสู้กันอีกในวันหน้า ปัญหาส่วนใหญ่ก็มาจากกฎหมาย มาจากรัฐธรรมนูญ วันนี้ก็ต้องยอมรับกันว่ามันเป็นกติกาก็ต้องเดินกันต่อไป.."
หมายเหตุ "สำนักข่าวอิศรา" www.isranews.org : เป็นเนื้อหาบางส่วนที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พ.ย.57 ที่ผ่านมา
-------
การดำเนินงานของรัฐบาลในห้วงที่ผ่านมานั้น ต้องยอมรับว่าหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการทุกคนต้องทำงานหนักขึ้น ในส่วนที่ไม่ดี มีคำกล่าวหาอยู่ตามโซเชียลต่าง ๆ ก็ไปว่ากันอีกที คนดี ๆ มีอีกมากให้กำลังใจเขาก็ทุกคนทำงานหนักขึ้น โดยความร่วมมือของประชาชนและทุกภาคส่วน ช่วยกันบูรณะซ่อมแซมประเทศของเราที่อาจจะมีการชำรุดทรุดโทรมอยู่บ้าง ประกอบกับการพัฒนาที่ชะลอตัว ด้วยความไม่สงบทางการเมือง ในเมืองไทยผมคิดว่าเกิน 10 ปี ที่ทำให้มีปัญหามาโดยตลอด ผมต้องขอขอบคุณและขอความร่วมมือต่อไปอีกให้ทุกคนได้จดจำไว้ว่าเราเคยเสียกรุงมาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจาก “การขาดความสามัคคี” ของคนในชาติ
วันนี้ถ้าเรายังมีความขัดแย้งกันอยู่ ไม่มีการปรองดอง ไม่ไว้ใจกัน ประเทศก็จะเป็นเหมือนคนป่วย ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอร์รัปชั่น ยาเสพติด การก่อการร้าย ซึ่งในส่วนของผู้กระทำความผิดกฎหมายนั้น ขอให้แยกเป็นประเด็นในเรื่องของการแก้ไข หรือการดำเนินการทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม และได้รับความพึ่งพอใจ อันนี้เป็นประเด็นสำคัญ ถ้านำทุกอย่างมาปนกันหมด แก้อะไรไม่ได้สักอย่าง บ้านเมืองก็มีปัญหาหมด ผมไม่ได้ต้องการว่า จะให้กฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม ไปใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง ใครผิดก็ว่ากันไป ใครถูกก็ว่าไปตามถูก
ผมขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นการเตือนสติ และชี้แนะเทคนิคการทำงานร่วมกัน ว่า “รู้ รัก สามัคคี”("รู้" คือ ปัญญา มีความรู้ความเข้าใจในงานที่จะต้องทำ "รัก" คือ การมีความรัก ความพอใจในงานที่จะต้องทำนั้น และ “สามัคคี” คือ การร่วมกันทำงานด้วยความจริงใจ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง) เหล่านี้ขอให้ทุกคนได้ยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติร่วมกัน
@ ย้ำประชาชนศูนย์กลางร่างรธน.
เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ในข้อสังเกตของผมเอง ผมก็ได้พูดกับรัฐบาลว่า รัฐธรรมนูญหลายฉบับที่ผ่านมา มักจะร่างขึ้นมาจากเหตุผลหลัก ก็คือเพื่อจะควบคุมกำกับดูแล หรือไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหาร รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง สาระใจความบางครั้งก็เหมือนกับประชาชนมีส่วนร่วมน้อยเกินไป หรือว่ามองไม่ออกประชาชนจะได้ประโยชน์จากตรงไหน เพราะฉะนั้นก็พูดใน ครม.ว่า ช่วยกันดูว่าจะทำอย่างไร เพราะเรามีการตั้งคณะกรรมการติดตามอยู่แล้ว ในเรื่องนี้ว่าประชาชนมีส่วนร่วมได้ตรงไหน แล้วก็ผลประโยชน์อยู่กับประชาชนมากหรือน้อยทุกอย่าง ถ้าเรามีศูนย์กลางอยู่ที่ประชาชนทุกงานทุกกระทรวง ประชาชนคือศูนย์กลางจะคิดออกหมด ไม่ใช่นำมาเพื่อความขัดแย้ง ไม่ใช่นำมาเพื่อให้มีการต่อสู้กันอีกในวันหน้า ปัญหาส่วนใหญ่ก็มาจากกฎหมาย มาจากรัฐธรรมนูญ วันนี้ก็ต้องยอมรับกันว่ามันเป็นกติกาก็ต้องเดินกันต่อไป
ผมไม่อยากให้เกิดการโต้แย้งกันอีกในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ วันนี้ยังไม่เห็นสักบรรทัดเลย วันนี้ก็มาคาดการณ์อย่างนั้น อย่างนี้ ประชาชนเป็นศูนย์กลางดีกว่า ต่อไปก็จะได้มาดูว่าเราจะทำให้เกิดความเป็นธรรมอย่างไร โปร่งใสอย่างไร มีประสิทธิภาพอย่างไร ย้อนกลับไปที่กระบวนการบริหาร ถ้าปลายทางของรัฐธรรมนูญ ปลายทางของกฎหมาย ดูว่าประชาชนจะเป็นคนได้ ย้อนกลับมากระบวนการจะมาอย่างไร คนใช้อำนาจจะเป็นอย่างไร ผมว่าอย่างนั้นจะดีกว่า อันนี้คือหลักการ จะผิดหรือถูกผมไม่รู้ แต่ผมคิดแบบนี้ ผมไม่ได้ให้ใครมาคิดตามผมด้วย ถ้าใครคิดว่าไม่ใช่ก็บอกมา ฉะนั้นจะต้องไม่ใช้อำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์ สร้างความขัดแย้ง ทั้ง 2 ฝ่าย หรือ 3 ฝ่าย ที่ผ่านมาจะด้วยเหตุผลที่ดีหรือไม่ดี ก็กฎหมายว่ามา แต่มีการนำประชาชนบางส่วนให้เกิดความบาดเจ็บสูญเสีย เหล่านี้ไม่ดีไม่ถูกต้อง
ปัจจุบันรัฐบาลได้มีการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไปแล้ว รัฐบาลและ คสช. ก็จะเร่งผลักดันการจัดทำรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่มีอยู่ และก็ได้มีการอนุมัติรายชื่อคณะกรรมาธิการฯ มีการจัดตั้งโดยสภาปฏิรูปฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ในการประชุมร่วม ครม. คสช. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น ครั้งที่ 2 ก็ได้พูดคุยหลายเรื่องหลายประเด็นในเรื่องของงานทั้ง 3 งาน เรื่องงานบริหารราชการแผ่นดิน งานปฏิรูป งานรักษาความสงบเรียบร้อย มีหลายเรื่องที่มีการพูดคุยระหว่าง คสช. และ ครม. ก็ไม่ได้ทับซ้อนอำนาจกัน อะไรที่ คสช. ช่วยได้ คสช. ก็จะช่วยเต็มที่ ภายในกรอบของกฎหมายหรืออำนาจที่มีอยู่อย่างถูกต้องและชอบธรรม ในส่วนของการรับฟังความคิดเห็นของ สปช. นั้น ก็คือเป็นกรอบที่ 2 ตามที่กำหนดไว้แล้วเดิม ก็จะมีการตั้งมารับฟังความคิดเห็นอีก และจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ รัฐธรรมนูญนี้ต้องแล้วเสร็จภายใน 120 วัน
หลังจากนั้นในระหว่างนี้ก็จะมีการรับฟังมาตลอดทุกช่องทาง แต่ถ้าไปทำที่อื่นมาก็ค่อนข้างจะลำบาก เพราะช่องทางไม่ใช่ ก็พยายามเข้าหาช่องทางแล้วกัน ผมทราบทุกคนมีความคิดเห็น และทุกคนก็มีส่วนเข้าไปเป็น สนช. ก็มี สปช. ก็มี เพราะฉะนั้นไม่สามารถเข้าไปทั้งหมดได้ เมื่อไม่ได้ก็ต้องไปหาช่องทางให้เข้ากับช่องทาง คือถ้าพูดข้างนอกกับข้างในไม่ตรงกันเลย แล้วจะฟังอันไหน พอข้างในตัดสินมาอย่างนี้ ข้างนอกก็ไม่รับอีก ผมว่าท่านต้องไปคุยกันมาให้ได้ เราต้องรวมกันให้ได้ ผมเข้าใจว่าทุกท่านตั้งใจ มีแนวคิดที่ดี ข้อเสนอแนะที่ดี
แต่อย่างลืมว่ากรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่จะบอกว่าทำไมไม่ได้เข้ามา มีกฎหมายอยู่ข้อหนึ่งเขียนไว้ว่า ถ้าเป็นการร่างรัฐธรรมนูญ เข้าเล่นการเมืองไม่ได้หรือเข้าสู่การเมืองไม่ได้ 2 ปี เขาถึงไม่เข้ามากัน เขาถึงไปพูดกันอยู่ข้างนอกพอสมควร ก็ไปดูข้อเท็จจริงว่าเป็นอะไร เป็นเพราะอะไร ผมไม่ได้ไปปิดกั้นใครทั้งสิ้น แต่ต้องการให้เข้ามาทุกพวกทุกฝ่าย แต่เป็นประเด็นของการเมืองต่อไปในอนาคตอีก 2 ปี ผมเข้าใจในเรื่องนี้ก็จะหาทางให้มีส่วนร่วมให้มากที่สุด
@ เร่งแก้เศรษฐกิจเต็มสูบ
ผมอยากให้ทุกท่านมั่นใจว่ารัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ทั้งการผลักดันการใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 ที่กำลังทยอยลงไปที่ติดขั้นตอนการใช้จ่ายงบประมาณอยู่ ทุกคนทราบอยู่แล้ว ก็เร่งรัดลงไปแล้ว และก็เร่งกระบวนการใช้จ่ายงบปี 2558 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นำเม็ดเงินสู่มือประชาชน สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศหลาย ๆ เรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม การส่งเสริมการลงทุน การสร้างแรงงานที่มีทักษะ และที่สำคัญคือต้องเตรียมพร้อมการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม หลายโครงการจะเริ่มลงทุนในปีหน้า ทำให้มีผลต่อการสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชน เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ในไตรมาสที่ 4 แล้วก็ไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวดีขึ้น ช่วงนี้คงต้องระมัดระวัง อดทน แล้วก็ใช้หลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คืออยู่อย่างพอเพียง แต่อย่างไรก็ตามก็คงต้องให้มีมากใช้มาก เพื่อจะได้ช่วยกันหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศให้ขับเคลื่อนไปได้ดีขึ้น ช่วยคนจนก็ต้องเสียสละ คนรวยต้องเสียสละกันบ้าง ก็ใช้จ่ายออกมาช่วยคนจนมาก ๆ ขึ้น จะได้ลดความเหลื่อมล้ำ ลดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
ทางรัฐบาลไม่ว่าจะหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของรัฐของเอกชนที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ได้มีการพบปะหารือ สร้างความมั่นใจกับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ส่วนใหญ่มีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทย และมองว่าไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจในเชิงกลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ หรือ emerging markets
ผมมั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะคลี่คลายในปีหน้า และมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ดังนั้นหน่วยงานด้านเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว รวมทั้งความร่วมมือร่วมใจซึ่งกันและกันของรัฐ ประชาชนทุกคน หน่วยงานทุกภาคส่วน หากทุกอย่างเป็นปัจจัยบวกแล้วรวมความถึงการมีเสถียรภาพของประเทศของรัฐบาลด้วย เราก็มีโอกาสกลับเข้าสู่ตลาดแข่งขันในเวทีโลกของเรา ซึ่งก็มีอนาคตที่น่าจะสดใส
@ แจงแผนปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิง
ในส่วนของการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ลิตรละ 50 สตางค์ในเดือนนี้ เป็นการปรับขึ้นตามขั้นตอนเพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาดสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เป็นการปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป แบบขั้นบันได ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน รัฐบาลก็พยายามให้มีผลกระทบน้อยที่สุดต่อพี่น้องประชาชน คงทราบดีนะครับ ผมก็ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ไปเตรียมมาตรการดูแลผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นก็ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนผู้ประกอบการการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการผลิตที่ใช้อุปโภคบริโภค อย่าไปขึ้นราคาจนมากจนเกินไป อ้างเหตุผลในเรื่องของการขึ้นราคาพลังงานแล้วไปบวก 5 , 6 บาท สิบบาทนี่ผมไม่ได้ ให้กระทรวงพาณิชย์ไปกำกับดูแล ไปควบคุมถ้าใครฉวยโอกาสก็ต้องลงโทษตามกฎหมาย ข้าวของทุกอย่างอาจจะแพงมากขึ้น
ผมได้ข่าวว่าเรื่องอาหารจานด่วนเพิ่มอีก 10 บาท 15 บาท ผมว่าไม่ใช่ ขึ้นมา 50 สตางค์ไปขึ้น 5 บาท ไม่รู้กี่เปอร์เซ็นต์ ช่วยกันนึกถึงคนอื่นเขาด้วย คนกลางก็อย่าเอาเปรียบคนอื่นเขามากเกินไปยอมเสียสละกำไรลงบ้าง ประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน เพราะเขาเป็นผู้รับผลประโยชน์ ถ้าแพงเขาก็ไม่มีเงินใช้จ่าย เอาขายมากดีกว่า ดีกว่าที่จะไปขายแพง ๆ แล้วขายน้อยคนก็ไม่รับประทาน ขอให้ทุกคนช่วยกันให้ประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืน ถ้าใครขายแพงก็อย่าไปรับประทานเขา ก็แค่นั้นเองไปหาร้านดี ๆ ช่วยกันด้วย กระทรวงพาณิชย์ต้องเป็นหลักนะครับ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก Google