ป.ป.ช.สอบอดีตจนท.ที่ดินปมออกโฉนดรุกที่ ส.ป.ก.-ป่าสงวน จ.ภูเก็ต
ป.ป.ช. ตั้งอนุฯไต่สวนสอบอดีตจนท.บริหารงานที่ดิน จ.ภูเก็ต หลังกองฯสืบสวนคดีเศรษฐกิจ-กรมที่ดิน ฟ้องตั้งแต่ปี 2547 ปมออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ทับซ้อนพื้นที่ ส.ป.ก. 4-01 และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหานายบุญชู หลิมรักษาสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก เลขที่ 1723, 1724, 1805 และ 1806 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมิชอบ ด้วยการปลอมเอกสาร ส.ค. 1 แล้วนำมาใช้เป็นหลักฐานในการออก น.ส. 3 ก ดังกล่าว ทับพื้นที่ซึ่งมีหลักฐาน ส.ป.ก. 4-01 และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
พฤติการณ์ในการกระทำความผิด คือ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ มีหนังสือลงวันที่ 15 ตุลาคม 2547 แจ้งว่า จากการสอบสวนคดีอาญาที่ 2/2547 ของงาน 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ได้พยานหลักฐานว่า นายบุญชู เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด กรณีการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก ทั้ง 4 โฉนดข้างต้น ให้แก่นายจักรพันธ์ ปะกาหลา โดยมิชอบ ด้วยการนำ ส.ค. 1 เลขที่ 18 หมู่ที่ 3 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นหลักฐานของที่ดินแปลงอื่นมาใช้เป็นหลักฐานในการขอออก น.ส. 3 ก ดังกล่าว ในเขต ส.ป.ก. และเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ต่อมา กองปราบปราม มีหนังสือลงวันที่ 27 ธันวาคม 2547 แจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 นายสุรพล ศรีวิโรจน์ รับมอบอำนาจจากกรมที่ดิน ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับนายบุญชู อดีตเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอ (เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน 7) สำนักงานที่ดิน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสารกระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ กรณีการออกเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก ทั้ง 4 โฉนดข้างต้น โดยมิชอบ ด้วยการปลอมเอกสาร ส.ค. 1 เลขที่ 18 หมู่ที่ 3 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต แล้วนำมาใช้เป็นหลักฐานในการออก น.ส. 3 ก ดังกล่าว ทับพื้นที่ซึ่งมีหลักฐาน ส.ป.ก. 4-01 ของนายหมืด ร่าหมาน และนายไสว ชัยยุทธศุภกุล อีกทั้งเป็นที่ดินอยู่ในเขตโซนซี ที่ถือเป็นเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (เขตป่าสงวนแห่งชาติ)
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานอนุกรรมการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 คือ เอกสารสิทธิให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน อนุญาตให้ทำได้เฉพาะเกษตรกรรม และผู้ครอบครองต้องมีฐานะยากจน ขณะที่เอกสารสิทธินี้ห้ามซื้อขายเด็ดขาด หรือถ้าซื้อขายขณะที่เอกสารนี้ยังมีผลอยู่จะถือว่าเป็นโมฆะ
ส่วนที่ดิน ส.ค. 1 คือ ใบแจ้งการครอบครองที่ดินเป็นหลักฐานว่าผู้ครอบครองเป็นผู้แจ้งว่า ตนครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่ (แต่ปัจจุบันไม่มีการแจ้ง ส.ค.1 อีกแล้ว) ส.ค.1 ไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิที่ดิน เพราะไม่ใช่หลักฐานที่ทางราชการออกให้เพียงแต่เป็นการแจ้งการครอบครองที่ดินของราษฎรเท่านั้น ดังนั้น ตามกฎหมาย ที่ดินที่มี ส.ค.1 จึงทำการโอนกันได้ เพียงแต่แสดงเจตนาสละการครอบครองและไม่ยึดถือพร้อมส่งมอบให้ผู้รับโอนไปเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการโอนกันโดยชอบแล้ว ผู้มี ส.ค.1 มีสิทธินำมาขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 น.ส.3 ก. หรือ น.ส.3 ข)