หม่อมอุ๋ยโชว์ผลพวงอัดงบกระตุ้นศก. เชื่อปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 4%
รองนายกรัฐมนตรี คาดเศรษฐกิจปี 2558 โตไม่ต่ำกว่า 4% ผลพวงจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ โชว์รูปธรรมปีหน้าได้เห็นเปิดประมูลสร้างรถไฟรางคู่ ระบบรถไฟฟ้า ส่วนพลังงาน ระบุต้องยอมโดนด่าลดการอุดหนุน ทำราคาพลังงานพุ่งขึ้นแน่
วันที่ 6 พฤศจิกายน สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดเสวนาเรื่อง เศรษฐกิจไทย ปี 2558 ฟื้นหรือฟุบ ณ อาคารสยามบรมราชกุมารี นิด้า
โดยหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวจากเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงพฤษภาคม 2557 งบลงทุนของรัฐบาลมี แต่ไม่ได้มีการเบิกจ่าย จากนั้น อีก 4 เดือนก่อนตั้งรัฐบาลงบการลงทุนภาครัฐก็ช้า
"ประเทศที่งบลงทุนภาครัฐมีการเบิกจ่ายล่าช้า ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับเศรษฐกิจโลก ชะลอตัว สหรัฐฯ ยุโรป เยอรมันยังไม่ฟื้น แม้ญี่ปุ่นจะดีขึ้น แต่พอขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ฉุดเศรษฐกิจให้ลงมาอีก " รองนายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า ดังนั้น เราไม่สามารถพึ่งการส่งออกได้ จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ( jump start)
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงการอัดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ แบ่งเป็น 3 งบ ได้แก่ 1.งบอัดฉีดไปที่ชาวนา กว่า 4 หมื่นล้านบาท โครงการจ่ายเงินชดเชยไร่ละ 1 พันบาทแค่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราว
"ยอมรับงบฯ ช่วยชาวนาอาจผิดทฤษฎีไปนิด แต่เป็นจิตวิทยาทางการเมืองไม่ให้คิดถึงจำนำข้าวอย่างเดียว อาจไม่
ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่เงิน 4 หมื่นล้านบาทที่ออกไปถึงมือชาวนาล้วนๆ ไม่มีใครเกาะหลังชาวนากินได้" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว และ ว่า ยังมี 2.งบสร้างงาน เช่น ซ่อมห้องเรียน สถานีอนามัยทั่วประเทศ ซึ่งได้จากงบไทยเข้มแข็ง และงบกลางค้างท่อ ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท และ 3.งบลงทุน 1.4 แสนล้านบาท ถึงวันนี้งบกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดที่ลงไป แม้จะช้า แต่คาดว่า จะได้ผลช่วงไตรมาสแรกปี 2558
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้คาดการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2558 ด้วยว่า จะโตไม่ต่ำกว่า 4% เพราะผลพวงจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับโครงการที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2558 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนนั้น ม.ร.ว.ปรีดียาธร กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม จะมีโครงการที่เริ่มลงมือในปี 2558 เช่น รถไฟรางคู่จะรู้ว่าสายไหนเปิดประมูล รถไฟฟ้าในเมือง และชานเมืองที่รัฐลงทุนสร้างรางนั้น ก็จะเห็นความชัดเจนเปิดให้เอกชนประมูลเดินรถ และ
ระบบทั้งหมด สรุปปี 2558 จะเริ่มประมูลการเดินรถไฟฟ้าได้ 8 สาย
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้จุดอ่อนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการใช้พลังงานในประเทศไทยถึง 18% ของ
GDP ดูเรื่องการลดการอุดหนุนจากภาครัฐ ทั้งดีเซล และ LPG NGV โดยจะปรับทุกอย่างให้สอดคล้องกับความ
เป็นจริง
"ราคาน้ำมัน ราคาเชื้อเพลิง ต้องแพงขึ้นแน่นอน แต่ทำให้คนไทยใช้พลังงานลดลง ผมใจแข็งแน่ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ใจแข็งแน่นอน แต่ไม่รู้ว่า คนอื่นในรัฐบาลใจแข็งหรือไม่ คงต้องโดนด่าแต่ทำเพื่อให้ประเทศไปรอด"
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับปรุงระบบภาษีให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ จำเป็นต้องเก็บ ในการทำ 2 ตัวนี้ ไม่เริ่มภาษีมรดก ก็ม่ถูก เพราะเก็บจากคนรวยต้องเริ่มจากตรงนี้ก่อนเป็นเรื่องทางจิตวิทยา
"ก้าวแรกภาษีมรดก ก้าวสองภาษีที่ดิน และภาษีสรรพาสามิตสินค้าฟุ่มเฟือย ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเหล้าและเบียร์ รวมไป
ถึงชาเขียวด้วย อะไรที่ฟุ่มเฟือยเราจำเป็นต้องเก็บนำเงินมาพัฒนาประเทศ"
ทั้งนี้ช่วง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงนโยบายดิจิตอลอิโคโนมี (Digital Economy) ด้วยว่า เพื่อให้เป็นนโยบายของ
ชาติที่เป็นหนึ่งเดียว โดยกำลังอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายให้เกิดความยั่งยืน รวมถึงร่างกฎหมายให้กระทรวงไอซีที ให้เป็นกระทรวงดิจิตอลจริงๆ มีอำนาจมากขึ้น ซึ่งกำลังรอกฎหมายต่างๆ เหล่านี้เข้าสภา