องค์กรสิทธิฯประณามฆ่าผู้บริสุทธิ์ จี้ทุกฝ่าย-ผู้นำศาสนาพูดคุยหาทางออก
มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดเหตุร้ายที่กระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลิกเพศ วัย และอาชีพ อย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา
แถลงการณ์ระบุว่า นับจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ต.ค.57 ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยนาวิกโยธินได้ใช้อาวุธปืนยิงสกัดรถกระบะที่ไม่ได้หยุดให้ตรวจที่ด่านลอยที่บ้านฮูแตยือลอ หมู่ 6 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงอายุ 10 ปีเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บ ต่อมาได้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง
โดยในวันที่ 1 พ.ย.มีเหตุการณ์ยิงชาวบ้านที่ ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 8 ราย ซึ่งหนึ่งในผู้บาดเจ็บเป็นเด็กหญิง และเมื่อวันที่ 2 พ.ย. เวลาประมาณ 17.30 น.ได้มีคนร้ายยิง นางสาวสุธิดา ตั้งใจ นักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ บาดเจ็บสาหัสขณะซ้อนรถจักรยานยนต์เพื่อน ที่บ้านทำเนียบ หมู่ 6 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส
และหลังจากนั้นเพียงสองชั่วโมง มีเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงชาวบ้านที่บ้านตาเซะ หมู่ 2 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 5 คน โดยผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง
มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกคน มูลนิธิฯตระหนักว่าการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์นอกจากจะส่งผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียแล้ว ยังก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างมากต่อสังคม อีกทั้งทำให้เกิดรอยร้าว และสร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนต่างเชื้อชาติและศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างสันติภาพ
มูลนิธิฯขอประณามผู้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบต่อผู้หญิง เด็ก รวมถึงผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยวิธีทารุณโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ผิดกฎหมายและหลักคำสอนของทุกศาสนา
"การใช้ความรุนแรงไม่สามารถยุติความรุนแรงได้ กองกำลังติดอาวุธทุกฝ่ายต้องเคารพสิทธิเด็ก สตรี และผู้บริสุทธิ์ ต้องยอมรับว่าสิทธิในชีวิตและร่างกายของผู้บริสุทธิ์เป็นสิทธิที่ไม่อาจมีผู้ใดพรากไปได้" นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ขัดแย้งทางอาวุธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิฯมีข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1.ทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก
2.รัฐต้องเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนข้อเท็จจริงของทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ทุกฝ่ายไม่ควรด่วนสรุปจนกว่าการสืบสวนสอบสวนจะเสร็จสิ้น
3.ในการดำเนินนโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี รัฐบาลต้องมีมาตรการอย่างจริงจังในการลดการแพร่กระจายของอาวุธในพื้นที่
4.เร่งให้มีการเยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ รวมถึงสังคมที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง
5.รัฐบาลและประชาชน รวมถึงผู้นำทางศาสนาต้องร่วมกันแสวงหาแนวทางเพื่อยุติความรุนแรง และป้องกันการสร้างความเกลียดชัง การยั่วยุ หรือการผลักไสให้ประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นศัตรูต่อกัน ควรมีการหารืออย่างสร้างสรรค์เพื่อหาทางออกร่วมกันบนพื้นฐานของความอดทน อดกลั้น ความจริงใจและการยอมรับในความเห็นที่แตกต่างเพื่อให้สังคมกลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด
มูลนิธิฯเชื่อมั่นว่าปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยุติได้ด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่าย บนพื้นฐานของการเคารพกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชนสากล หลักการศาสนา และเคารพในสิทธิ ศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์ของบุคคลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ได้ออกเอกสารแถลงการณ์ ลงวันที่ 3 พ.ย.2557 ฉบับที่ 2/2557 ถึงการกระทำต่อเป้าหมายที่อ่อนแอ 4 เหตุการณ์ ตั้งแต่เหตุลอบวางระเบิด 4 จุด ในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี เหตุประกบยิง ตชด. บริเวณศูนย์เด็กเล็ก ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี เมื่อวันศุกร์ 31 ต.ค. เหตุกราดยิงชาวบ้าน อ.เทพา และเหตุยิงนักศึกษาหญิงมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย และไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป
ในคำแถลงการณ์ มีถ้อยคำแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ได้รับผลกระทบทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม และได้เรียกร้องให้นักสิทธิมนุษยชน แสดงจุดยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และขอให้กองกำลังติดอาวุธทุกฝ่าย ยุติความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์
ส่วนประชาชน ผู้นำชุมชน และองค์การภาคประชาสังคม ได้ขอให้ตื่นตัวและตระหนักต่อสถานการณ์ในพื้นที่ โดยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยชุมชนที่มีชาวไทยพุทธและมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นพิเศษ โดยในเอกสารแถลงการณ์ไม่ได้กล่าวถึงหน่วยงานภาครัฐแต่อย่างใด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สัญลักษณ์ของมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ