โจทย์ใหญ่การศึกษาไทย ดร.สมภพ ชี้ต้องผลิตบัณฑิตให้มี 'ดีเอ็นเอ' อาเซียน

อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ชี้อนาคตการศึกษาไทยในเวทีAECต้องผลิตบัณฑิตอาเซียนดีเอ็นเอ แนะครูปรับระบบความคิดใหม่ หวังปฏิรูปการศึกษาสำเร็จ เชื่อไทยจะเป็นศูนย์กลางการศึกษาได้แน่นอน

29 ตุลาคม 2557 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) จัดงานแถลงข่าว “อนาคตการศึกษาไทยในเวที AEC” โดยมี รศ.ดร สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษาไทยในการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ณ ห้อง คลาสรูม 2 ชั้น 3 อาคารปัญจภูมิ (ศูนย์Luxellence Center) ถ. สาทร ซอย 5

รศ.ดร.สมภพ   กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยในขณะนี้ว่า เศรษฐกิจในเมืองไทยตอนนี้ถือว่ "ตกชั้น" ไม่ใช่แค่ตกชั้นในระดับโลก แม้แต่ในอาเซียนเราก็ตกชั้น ตกชั้น Asian Five คือไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มิหนำซ้ำยังถูกเขาปรามาสว่า เป็นตัวถ่วงของอาเซียน

"เมื่อก่อนเราอาจจะมีหมัดเด็ด แต่ตอนนี้มีแต่หมัดเมา เมาหมัดทั้งเรื่องจำนำข้าว หนี้ครัวเรือน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญก็คือ CLMV+T C คือ Cambodia ,L คือ Lao, M คือ Myanmar,V คือ Vietnam และ T คือ Thailand เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีความใกล้ชิดกับประเทศไทยมากโดยเฉพาะพม่า เนื่องจากมีความคุ้นเคย ศาสนา วัฒนธรรมประเพณีมีลักษณะคล้ายกัน รวมทั้งชายแดนติดต่อกันมากพอสมควร ซึ่งรัฐบาลจะต้องไปคิดว่า แต่ละประเทศควรจะสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างไร การพัฒนาควรจะเป็นในรูปแบบไหน ต้องหาวิธีวางกลยุทธ์เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประตูเชื่อมสู่ประเทศเพื่อนบ้าน"

อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมที่ประเทศไทยจะต้องเตรียมโดยมองว่า กุญแจสำคัญคือเรื่องคุณภาพของคนในประเทศโดยแบ่งเป็น 2 ระดับ คือในระดับประเทศและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับในประเทศไทยนั้นโจทย์ใหญ่ รศ.ดร.สมภพ กล่าวว่า คือจะผลิตบัณฑิตอาเซียนดีเอ็นเอได้อย่างไรเพื่อที่จะนำไปใช้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นในด้านเศรษฐกิจ สังคม ภาษา และการศึกษา ซึ่งหากมองในเรื่องการศึกษานั้นอันดับแรกจะต้องปรับปรุงหลักสูตร คือ จะใช้หลักสูตรแบบเดิมไม่ได้โดยเฉพาะในสาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ บุคลากรด้านการศึกษาเองจะต้องเปลี่ยนระบบความคิดใหม่โดยจะต้องมองแบบอาเซียน

ส่วนสถาบันการศึกษาจะต้องเน้นใน 3 ด้าน คือด้านฮาร์ดแวร์เป็นการสอนแบบผ่านเว็บที่จะต้องทำควบคู่กับการสอนปกติ ด้านซอร์ฟแวร์คือไอทีจะต้องมีความเชื่อมโยงกับระบบดิจิตอล และสุดท้ายคือฮิวแมนแวร์คือคนที่เรียนรู้การอยู่ร่วมกันแบบอนุภูมิภาพและมองข้ามความเป็นพรมแดน

“ที่ผ่านมาเวลาจัดอันดับการศึกษาไทยแทบจะรั้งท้ายอาเซียน จริงๆแล้วยังเชื่อเสมอว่า คนไทยมีศักยภาพเพียง แต่นโยบายที่ผ่านมาไม่ได้สร้างโอกาสที่จะให้คนไทยได้แสดงศักยภาพเท่าไหร่นัก" รศ.ดร.สมภพ กล่าว และว่า การปฏิรูปครั้งนี้ควรมองการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมกับแอบหวังว่าจะดีขึ้น เนื่องจากในสภาปฏิรูปมีคนในแวดวงการศึกษาที่เก่งๆหลายคนเข้าไปอยู่ในนั้นซึ่งเป็นบุคคลที่ทำงานทางด้านนี้ ชื่อฝีมือได้ ถ้าเมืองไทยมีนโยบายที่ชัดเจนไปถูกทิศถูกทางเมื่อเข้าสู่AEC เชื่อว่าเราจะเป็นศูนย์กลางของการศึกษาแน่นอน