เสียงร่ำไห้ของชาวปกาเกอะญอ เสียงสะท้อนสถานการณ์ของคนเล็กคนน้อย
"..ถามว่าชาวบ้านผิดมั้ย ก็ต้องบอกว่าผิดแน่นอนเพราะมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง ขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่งนั่นคือวิถีของชาวบ้านเขา เพราะเขาอยู่กับป่าแต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดป่าได้ เพียงแต่ขอใช้ทรัพยากรที่มีอยู่บ้าง ถ้าไม่ถูกก็ว่ากล่าวตักเตือนหรือหาทางแก้ไขกันไป แต่ไม่ใช่กวาดจับเพื่อทำงานปิดบังอำพรางกันเช่นนี้.."
เห็นภาพชาวปกาเกอะญอเกาะลูกกรงร่ำไห้แล้ว พูดได้คำเดียวว่าแสน “หดหู่”ครับ
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันก็เพิ่งมีภาพโลงแม่เฒ่าพร้องโรงศพ แกเสียชีวิตเพราะความเครียดภายหลังถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมในข้อหามีไม้สักไว้ในครอบครอง
เหตุเกิดที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อชาวบ้าน 39 รายถูกจับกุมและส่งฟ้องศาลในข้อหามีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครับ ซึ่งเช้าวันนี้(29 ตุลาคม)ศาลจัดหวัดแม่ฮ่องสอน ตัดใจทั้งจำคุกและรอลงอาญาชาวบ้านทั้ง 37 คน(เสียชีวิตไปก่อน 2 คน)
ที่ชวนให้ปวดใจและเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงตับเพราะตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ผมและเพื่อนนักข่าวจำนวนหนึ่งได้ติดตามกรณีขบวนการลักลอบตัดไม้ในป่าสาละวิน ทำให้พบข้อเท็จจริงว่า ระบบอุปถัมป์ในวงราชการยังคงทำงานปกป้องกันอย่างได้ผล
กว่า 1 ปีแล้วที่ไม้สักนับร้อยนับพันท่อนในป่าสาละวินถูกโค่นโดยขบวนการอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง แรกทีเดียวก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เมื่อสืบเสาะลึกจึงได้พบว่าขบวนการลักลอบตัดไม้ครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีคนมีสีในระบบราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง(แม้แต่ผู้ว่าฯก็ยังเคยออกปากเช่นนี้) หากผู้มีอำนาจในประเทศจะใส่ใจและสอบสวนจริงจังก็จะสาวถึงตัวการสำคัญนี้ได้ไม่ยาก แต่เรื่องทั้งหมดกลับถูกกลบเกลื่อนให้เงียบ
ที่บอกว่าถูกกลบเกลื่อนเพราะเมื่อคสช.ยึดอำนาจและประกาศนโยบายปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้ ปรากฏว่าบุคคลที่เชื่อว่าอยู่ในขบวนการลักลอบตัดไม้ป่าสาละวิน ได้เป็นหัวขบวนในการหว่านแหจับกุมชาวบ้านที่มีไม้สักไว้ในครอบครองเพื่อสร้างเป็นผลงาน
ถามว่าชาวบ้านผิดมั้ย ก็ต้องบอกว่าผิดแน่นอนเพราะมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง ขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่งนั่นคือวิถีของชาวบ้านเขา เพราะเขาอยู่กับป่าแต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดป่าได้ เพียงแต่ขอใช้ทรัพยากรที่มีอยู่บ้าง ถ้าไม่ถูกก็ว่ากล่าวตักเตือนหรือหาทางแก้ไขกันไป แต่ไม่ใช่กวาดจับเพื่อทำงานปิดบังอำพรางกันเช่นนี้
ถ้าจะเอาผิดเรื่องการอยู่ในป่าอนุรักษ์ หรือเรื่องการมีไม้ไว้ในครอบครองของคนในแม่ฮ่องสอน มีหวังได้ติดคุกกันแทบยกจังหวัดเพราะแม้แต่หน่วยงานราชการบางแห่งยังตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน เช่น ที่ว่าการอำเภอปางมะผ้าตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย
ถึงวันนี้ชาวบ้านรับรู้กันทั้งลุ่มน้ำสาละวินว่าตัวการสำคัญในการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าครั้งใหญ่ในดินแดนแถบนี้เป็นคนกลุ่มไหน มีแต่คนของทางการเท่านั้นแหละที่ทำเป็นไม่รับรู้ สุดท้ายคนเล็กคนน้อยจึงต้องเป็น “เหยื่อ”
เสียงร่ำไห้ของชาวปกาเกอะญอที่ศาลแม่ฮ่องสอนในวันนี้จึงเชือดเฉือนใจยิ่ง
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก Chai Pongpipat