ป.ป.ช.เรียกผู้สอบบัญชี“สยามอินดิก้า”แจงคดีข้าว-ยอดถูกกล่าวหาพุ่ง111ราย
ป.ป.ช. จ่อเรียกผู้สอบบัญชี “สยามอินดิก้า” มาให้ถ้อยคำคดีระบายข้าว เผยมีผู้ถูกกล่าวหา 111 คน มากสุดเป็นประวัติการณ์ แย้มใกล้ถึงจุดหมายแล้ว ชี้คดีข้าว “ยิ่งลักษณ์” ติดตามด้วยใจระทึก ขีดเส้น 7 พ.ย. รู้ผล ยกฟ้อง “ปู” ปมจ่ายเงินชดเชยชาวสวนยาง มีมติให้ สปช. ไม่ต้องยื่นทรัพย์สิน
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2557 นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยภายหลังงานแถลงข่าวผลงานครบรอบ 8 ปี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ถึงความคืบหน้ากรณีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต้องยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเรียบร้อยแล้วเห็นว่า สปช. เป็นตำแหน่งที่เรียกได้ว่า เกี่ยวข้องกับเรื่องทางวิชาการ ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ เป็นเรื่องของการใช้ความรู้ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปองค์กร หรือปฏิรูปการทำงาน หรือปฏิรูปบ้านเมืองให้มีผลดียิ่งขึ้น จึงเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯต่อ ป.ป.ช.
นายวิชา กล่าวถึงคดีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถูกร้องเรียนว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีไม่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การออมแห่งชาติ ที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนว่า จากการพิจารณาข้อสรุปของคณะอนุกรรมการทั้งหมดแล้ว ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เห็นว่านายกิตติรัตน์ไม่มีเจตนากระทำความผิดทางอาญา และไม่ส่อไปทางทุจริตหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงให้เรื่องที่ถูกกล่าวหาตกไป
นายวิชา กล่าวอีกว่า สำหรับร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการดำเนินการหรือจ่ายเงินที่เกี่ยวกับเรื่องการชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ทำสวนยางพารามิชอบนั้นว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป เนื่องจากเห็นว่าไม่เข้าเหตุแห่งการกระทำผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ส่งผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากข้อกล่าวหา โดยไม่ต้องแก้ข้อกล่าวหาใด ๆ ทั้งสิ้น
นายวิชา มหาคุณ กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าการประชุมร่วมระหว่าง ป.ป.ช. กับอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า หลังจากคณะทำงานร่วม ป.ป.ช. กับ อสส. ได้ประชุมร่วมกันมา 2 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ และยังมีการผ่อนปรนระยะเวลาเนิ่นนานเข้าเดือนที่ 3 ทั้งที่กฎหมายกำหนดว่าจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 14 วัน นับจากตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมา ดังนั้น การประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 7 พ.ย.นี้ หากไม่ได้ข้อยุติ ป.ป.ช. จะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เกิดความรวดเร็วยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่เช่นนั้นจะค้างคาอยู่อย่างนี้ตลอดไป ดังนั้นการประชุมในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ป.ป.ช. จะได้แจ้งผลการประชุมให้ทราบอย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ดังนั้น โปรดติดตามด้วยใจระทึกโดยพลัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ หาก อสส. ยังไม่สั่งฟ้อง ป.ป.ช. จะฟ้องเองใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ยังพูดถึงขั้นนั้นไม่ได้ เพราะหากตกลงกันได้ว่า อสส. จะฟ้องเองคือจบ แต่ ป.ป.ช. เองอยากให้คดีไปสู่ศาลโดยเร็วเพื่อให้ศาลได้มีโอกาสพิจารณา ความจริงไม่อยากฟ้องเอง อยากให้ อสส. ดำเนินการให้ เนื่องจาก ป.ป.ช. มีคดีความที่ต้องไต่สวนอีกเยอะ
นายวิชา กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และพวก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างการรวบพยานหลักฐาน ซึ่งดำเนินการเกือบจะครบถ้วนแล้ว ขาดเพียงการไต่สวนสอบพยานบุคคลอีก 2 - 3 ปาก โดยมีการขอให้ถ้อยคำเพิ่มเติมของผู้สอบบัญชีของบริษัท สยามอินด้า จำกัด รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาบางราย อย่างไรก็ตาม คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 111 คน ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ ป.ป.ช. ดำเนินการมา ดังนั้นการดำเนินการใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว