ทีดีอาร์ไอ แนะผลักดัน “คนไทยรู้ภาษาอังกฤษ” เป็นวาระชาติ
“วรวัจน์” สั่งมหา’ลัย วิจัยเจาะลึกประเทศคู่ค้า ต่อยอดกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ-วางแผนผลิตกำลังคนตรงความต้องการตลาด “ทีดีอาร์ไอ”เผยการศึกษาไทยด้อยกว่าเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะทักษะภาษาอังกฤษต่ำทำแรงงานเสี่ยงถูกแย่งงาน ปัจจุบันสอนกลับหัวกลับหาง แนะผลักดันเป็นวาระชาติ
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวระหว่างเปิด “การประชุมประชาพิจารณ์โครงการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีภายใต้กรอบประชาคมอาเซีย” ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 4 ปีจะเป็นมหันภัยถ้าไทยยังไม่มีการเตรียมความพร้อมที่จะแข่งขันกับอีก 9 ประเทศ ซึ่งทุกประเทศในอาเซียนกำลัง จะรวมตัวกันเป็นเหมือนประเทศเดียว จะเกิดการค้าขายสินค้าเป็นหมื่นรายการโดยไม่มีกำแพงภาษีและข้อจำกัดใด แต่ไทยกลับขาดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเทศในอาเซียนรวมถึงประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทำให้ต้องเสียเปรียบทางการค้า
รมว.ศธ. กล่าวว่าได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)มอบหมายให้มหาวิทยาลัยแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคณะไปศึกษาวิจัยจุดแข็งจุดอ่อนของประเทศต่างๆในอาเซียนและประเทศคู่ค้าที่สำคัญ โดยข้อมูลที่ได้จากการวิจัยจะนำไปต่อยอดเป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล และในส่วนของ ศธ.ก็จะใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนผลิตและพัฒนากำลังคน
“ส่วนองค์กรหลักอื่นๆก็ให้ร่วมมือกันระดับจังหวัด ดูในจังหวัดมีทรัพยากรอะไร มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศเหมาะกับการเพาะปลูกอะไร มีศักยภาพทางวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น ที่จะสามารถดึงเข้าสู่การส่งเสริมท่องเทียวได้อย่างไร แล้วนำข้อมูลมาทำแผนผลิตพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับบริบทของจังหวัด”
นายวรวัจน์ กล่าวและว่าระบบการศึกษาไทยเป็นการศึกษาเพื่อเรียนรู้ แต่ไม่มีการต่อยอดเป้าหมายการมีงานทำและตอบสนองการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ หลายสถาบันจึงผลิตบัณฑิตออกมาแต่หางานทำไม่ได้ เห็นได้ชัดจากตัวเลขลูกหนี้ กยศ.ที่ไม่สามารถใช้หนี้คืนได้เพราะหางานทำยังไม่ได้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5 แสนคน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งที่าวางแผนกำลังคนไม่ได้เพราะเรา ไม่รู้ความต้องการตลาด ไม่รู้จุดแข็งจุดอ่อนของประเทศจำเป็นต้องมีการปรับระบบจัดการศึกษาใหม่ โดยเฉพาะการพัฒนาหลักสูตรของแต่ละสถานศึกษาให้ตอบสนองการพัฒนากำลังคน ความต้องการของตลาดแรงงาน
ด้านนายยงยุทธ แฉล้มวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) เปิดเผยผลวิจัย “โครงการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีภายใต้กรอบประชาคมอาเซียน” ว่าศักยภาพและความพร้อมของไทยอยู่ในระดับกลางๆเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียน ไทยเป็นรองแม้กระทั่งอินโดนีเซีย และยังห่างไกลมากกับมาเลเซียที่ศักยภาพเป็นอันดับสอง ส่วนประเทศที่มีศักยภาพสูงสุดคือสิงคโปร์
นายยงยุทธ กล่าวว่าขีดความสามารถด้านการศึกษาของประเทศไทยอยู่ในอันดับ 6 รองจากสิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเชีย เวียดนาม และถ้าเปรียบเทียบในเอเซียแล้ว ทักษะภาษาอังกฤษของคนไทยอยู่อันดับ 43 เป็นรองสิงคโปร์อันดับที่ 6 ฟิลิปปินส์อันดับที่ 16 มาเลเซียอันดับที่ 23 และอินโดนีเซียอันดับที่ 42 ทั้งนี้ทักษะภาษาอังกฤษจะเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเข้าสู่อาเซียน แรงงานไทยอาจถูกแย่งงานได้จากประเทศอื่นๆในอาเซียนที่มีทักษะภาษาอังกฤษดีกว่า ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่รวดเร็วมาก ขณะที่ไทยการพัฒนาช้าเพราะสอนภาษาอังกฤษแบบกลับหัวกลับหาง เพราะฉะนั้นควรยกให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติรณรงค์ให้คนไทยพูดภาษาอังกฤษ .
ที่มาภาพ : http://www.nitessatun.com/?p=391