รมว.เกษตรฯ ตั้งเป้าไทยไทยเป็นผู้นำผลิตข้าวคุณภาพ ยกระดับเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ชี้ปัญหาข้าวไทยขายไม่ออกเพราะไม่มีคุณภาพ แนะ 3 แนวทางแก้ปัญหายั่งยืน ย้ำชัดไทยต้องเป็นผู้ผลิตข้าวที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
15 ตุลาคม 2557 สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) จัดแถลงข่าวการจัดประชุมวิการนานาชาติด้านข้าวครั้งที่ 4 โดยมีนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ทิศทางในการพัฒนา เพื่ออนาคตของข้าวไทย” ณ ห้องหอวัง1-2 โรงแรมเซ็นทารา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
นายปีติพงศ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ต้องยอมรับให้ได้ว่า ข้าวที่ขายไม่ได้คือข้าวที่ไม่มีคุณภาพ เนื่องจากข้าวที่มีคุณภาพไม่มีปัญหาเรื่องราคา ข้าวที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้เป็นพวกข้าวไม่มีคุณภาพ การจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เกิดความยั่งยืนนั้น ไทยต้องเป็นผู้นำการผลิตข้าวที่มีคุณภาพ คือ เน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ
สำหรับแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของการผลิตมีดังนี้ 1.พัฒนาและปรับปรุงการผลิตข้าวคุณภาพตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยให้นำเอางานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ไ ม่ว่าจะเป็นเรื่องพันธุ์ข้าว การผลิต และการเก็บเกี่ยวว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ข้าวมีความชื้นสูง 2.การส่งเสริมการผลิตข้าวที่มีความเหมาะสมตามสภาพภูมิศาสตร์ให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดเด่นและจุดแข็งของการผลิตข้าวของพื้นที่นั้นๆ เช่น ข้าวหอมมะลิต้องที่ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นต้น 3.การพัฒนาสินค้าข้าวที่เป็น การขายสินค้าให้กับคนเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ให้มีเพิ่มมากขึ้น เช่น ข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวที่บริโภคแล้วไม่อ้วน หรือข้าวออร์แกนิคเพื่อเป็นการยกระดับสินค้าให้มีความน่าสนใจ
รมว.เกษตรฯ กล่าวด้วยว่า ทั้ง 3 แนวทางที่เสนอข้างต้นนั้นต้องคำนึงถึงเกษตรกรว่า เขาจะต้องอยู่ได้ด้วย ซึ่งกระบวนการในการผลักดันการพัฒนาคุณภาพข้าวจะต้องเริ่มดูตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต พันธุ์ข้าว ปัจจัยการผลิตไม่มีการปลอมปน ศึกษาวิจัยในด้านนวัตกรรมและการผลิต ส่งเสริมเทคโนโลยีให้เกษตรกรโดยจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่ใช่ว่าจะเน้นแต่เทคโนโลยีอย่างเดียวจนลืมภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือจะกลับมาสู่ภูมิปัญญาโดยไม่เอาเทคโนโลยี นี่เป็นสิ่งที่จะต้องมาช่วยกันคิดและสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีเป็นเรื่องจำเป็น
“สำหรับการพัฒนาคุณภาพข้าวให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนั้น รัฐบาลจะต้องมีมาตรการจูงใจเช่นเรื่องการลดภาษี หากมีบริษัทใดเข้าไปให้ความช่วยเหลือหรือพัฒนาเกษตรกรแต่ละพื้นที่ นับว่าจะเป็นช่องทางให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจในอนาคตได้ด้วย”
ด้านดร.วิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่27 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2557 ว่า การเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมข้าวนานาชาติเป็นโอกาสทองของประเทศไทยที่จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันความร่วมมือด้านข้าวทั้งด้านวิชาการ สังคมและเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งยังทำได้รู้ความเคลื่อนไหวของการวิจัยข้าวจากนักวิจัยที่มีความโดดเด่นในระดับโลกเพื่อให้นักวิจัยไทยได้เปิดมุมมองใหม่ๆและนำมาพัฒนาต่อยอดให้กับวงการข้าว และการประชุมครั้งนี้จะเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของประเทศที่จะใช้โอกาสในการแสดงศักยภาพข้าวไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกและเพิ่มความเชื่อมั่นในฐานะการเป็นผู้นำการส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกต่อไป