สกอ.วอนอย่าเหมารวมอุดมศึกษาไทยศักยภาพต่ำ
ผอ.สำนักส่งเสริมและพัฒนาสมรรถนะบุคลากร สกอ.วอนอย่าเหมารวมอุดมศึกษาไทยศักยภาพต่ำ เชื่อหากทุกมหาวิทยาลัยปฏิบัติตามแผนพัฒนาฯ ไม่แพ้ชาติใด ด้านรองอธิการบดีฝ่ายแผนและสารสนเทศ มจธ.แนะอย่าใช้ตัวชี้วัดเดียวกันทั้งประเทศถึงเวลาแบ่งหน้าที่ภาระกิจให้แต่ละสถาบัน
7 ตุลาคม 2557 ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย(ปอมท.) จัดเสวนาและแถลงข่าว “เหลียวหลังแลหน้า ผ่าแผนอุดมศึกษา ก้าวหน้า หรือล้าหลัง” ณ ห้องพุทธรักษา ชั้น3 อาคารสัมมนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
นายขจร จิตสุขุมมงคล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาสมรรถนะบุคลากร สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า สกอ. มีกรอบแผนพัฒนาอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี คือพ.ศ.2551-2565 เพื่อใช้เป็นทิศทางในการพัฒนาอุดมศึกษา โดยเน้นที่จะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรมด้วย
นายจจร กล่าวว่า สกอ.ไม่มีอำนาจในเรื่องการบริหารมหาวิทยาลัย แต่มีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมและพยายามออกกฎหมาย กลไก ต่างๆ หรือแม้แต่การจัดสรรงบประมาณจัดสรรทุนส่งเสริมให้อาจารย์ไปเรียนต่อและพยายามที่จะยกระดับมหาวิทยาลัยให้มีงานวิจัยมากขึ้น ความจริงแล้วประเทศไทยมีงานวิจัยดีๆมากมาย แต่บางทีไม่ได้เดินไปตามแผนที่วางไว้บางอย่างไม่เป็นไปตามกำหนด ถ้าเราสามารถที่จะทำทุกอย่างให้เป็นไปตามแผนพัฒนาที่วางไว้ เชื่อว่ามหาวิทยาลัยในไทยจะยกระดับไปได้มากกว่านี้
“อุดมศึกษาไทยมีศักยภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ มหาวิทยาลัยหลายแห่งที่มีศักยภาพทัดเทียมกับนานาชาติดูได้จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยไทยหลายแห่งเข้าไปติดอยู่ในอันดับด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่ สกอ. กำลังให้ความสำคัญคือต้องยกระดับคุณภาพนักศึกษาให้เท่าเทียมกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการวางกลยุทธ์”
นายขจร กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้เหมารวมว่าสถาบันอุดมศึกษาไทยไม่มีศักยภาพ เพราะหลายมหาวิทยาลัยได้รับการยอมรับจากการจัดอันดับนานาชาติ แต่บางทีภาพออกมา เนื่องจากไทยมมีมหาวิทยาลัยในประเทศเป็นจำนวนมากแล้วบางมหาวิทยาลัยไม่ปฏิบัติตามกรอบแผนพัฒนา ทางสกอ.เองก็ต้องมาตามตรวจจับ ซึ่งเรื่องนี้ได้พยายามปรับเพื่อที่จะทำให้มหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศปฏิบัติตามแผนพัฒนาให้มีมาตรฐานเดียวกัน
ด้านนายธนิตสรณ์ จิระพรชัย รองอธิการบดีฝ่ายแผนและสารสนเทศ มจธ. กล่าวว่า หากทุกมหาวิทยาลัยปฏิบัติตามกรอบแผนพัฒนาอุดมศึกษาได้โอกาสที่การจัดการศึกษาอุดมศึกษาจะประสบความสำเร็จก็เป็นไปได้สูงเนื่องจากแผนของประเทศเป็นแผนที่ดีมากแต่ที่ผ่านมาสาเหตุที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเพราะมหาวิทยาลัยขาดเรื่องวินัย ไม่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้การยกระดับคุณภาพอุดมศึกษาเป็นเรื่องยากและคำถามวันนี้คือจะมีการแบ่งได้หรือไม่ว่ามหาวิทยาลัยใด เนื่องจากวันนี้เรามี 9 มหาวิทยาลัยที่ขับเคลื่อนหนี้กับดักจนทำให้ไปติดอยู่1ใน400ได้แล้ว ความจริงเรื่องการจัดอันดับไม่ใช่เรื่องที่คนทำงานอย่างเราจะมาคิดนำมาเป็นตัวชี้วัด
“ไม่เห็นด้วยที่ที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) ซึ่งมีส่วนดูแลคุณภาพมหาวิทยาลัยใช้ตัวชี้วัดเดียวกันในการประเมินความสำเร็จของมหาวิทยาลัยเนื่องจากการทำลักษณะนั้นส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยไม่เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยตั้งเป้าไว้กลายเป็นว่าต้องพัฒนาตามตัวบ่งชี้ สมศ.ดังนั้นจึงอยากให้ประเมินคุณภาพตามบริบทของแต่ละมหาวิทยาลัย”
รองอธิการบดีฝ่ายแผนและสารสนเทศ มจธ. กล่าวด้วยว่า การศึกษาขั้นพื้นฐานเราอาจต้องให้แต่ละโรงเรียนมีมาตรฐานเดียวกันเหมือนกัน แต่ระดับอุดมศึกษาแต่ละสถาบันไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เช่นมหาวิทยาลัยมหิดลเชี่ยวชาญเรื่องแพทย์ก็ต้องเน้นไปทางด้านแพทย์ มจธ.เรื่องเทคโนโลยีก็เน้นไปเรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี แล้ววัดความสำเร็จตามด้านนั้นๆ
ทั้งนี้ในวันที่20-21 พฤศจิกายน 2557 ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย(ปอมท.)จะจัดการประชุมวิชาการ ปอมท.ประจำปี 2557ขึ้นภายใต้หัวข้อ “อุดมศึกษา สร้างคม สร้างชาติ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภายใต้การปฏิรูปการศึกษา ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อให้บุคลากรในแวดวงอุดมศึกษาได้ระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยน วิเคราะห์และหาแนวทางวิธีการที่เหมาะสมในการปรับปรุงและพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเคียงตามหลักสากล