การสืบสวนสอบสวนคดีอาญา : จำอวดตำรวจ
เป็นอันว่า 17 วันหลังจากที่หนุ่มสาวนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คน ถูกฆ่าตายบนชายหาดเกาะเต่า อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎ์ธานี เมื่อวันที่ 15 เดือนที่แล้ว (กันยายน 2557) ตำรวจก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นชาว พม่า 3 คน ที่มาขายแรงงานในประเทศไทยได้ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ปีนี้
ในทันทีที่ได้รับรายงานฆาตกรรม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้รักษาการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็รีบเดินทางไปยังเกาะเต่าอันเป็นที่เกิดเหตุทันที ผบ.ตร.ไม่ได้ไปคนเดียว แต่สั่งให้ ตำรวจอีกประมาณ 200 นาย เดินทางจากกรุงเทพ ฯ ไปยังเกาะเต่าด้วย และในจำนวนตำรวจ 200 นายนี้ มีชุด “คลี่คลายคดี” ซึ่งมีรองผู้บัญชาการ ตำรวจนครบาลเป็นหัวหน้ารวมอยู่ด้วย
การสืบสวนและสอบสวนคดีฆาตกรรมรายนี้เป็นความรับผิดชอบ ของ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เจ้าของท้องที่ พล.ต.ท.ปัญญานั้นสำเร็จการศึกษาได้ปริญญาดุษฎีบัณฑิตทางอาชญาวิทยามาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีทั้งความรู้ความ สามารถและประสบการณ์ พอที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาคดีใด ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยใครเป็นพี่เลี้ยง และยังไม่ปรากฏว่า พล.ต.ท. ปัญญามีปัญหาสำคัญไม่สามารถแก้เองได้จนต้องอาศัย ผบ.ตร.และตำรวจ 200 นายช่วยแก้ให้ การที่ ผบ.ตร.เดินทางไปยังที่เกิดเหตุนั้นเป็นแต่เพียง ธรรมเนียมของตำรวจ ที่ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง จะต้องถูกส่งไปจากกรุงเทพ ฯ เพื่อปรากฏตัวให้เป็นข่าว และทำความสับสนวุ่นวายให้แก่เจ้าของท้องที่ ในการปฏิบัติหน้าที่และการต้อนรับด้วย
และหากไปเพื่อเสริมกำลังของตำรวจภูธรที่เกาะเต่าก็น่าจะยิ่งทำให้ เกิดความสับสนมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ เพราะเป็นตำรวจต่างพื้นที่ และขาดประสบการณ์ทั้งที่เกี่ยวกับภูมิประเทศและประชาชน ผู้รักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังศนา นนท์ รอง ผบ.ตร.ควบคุมดูแลการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ แต่แล้วก็เปลี่ยน เป็น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาการใน ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. โดยไม่มีเหตุผล แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ข่มขืนนักท่องเที่ยวสาว ชาวอังกฤษ และฆ่านักท่องเที่ยวหนุ่มเพื่อนของเธอด้วย แต่การรับสารภาพนั้นก็ยังอยู่ในขั้นการสอบสวนเท่านั้น ตามกฎหมายต้องถือว่าผู้ต้องหาเป็น ผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะได้มีการพิจารณาโดยศาล และศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยทำความผิดจริงแล้วนั่นแหละ จึงจะยุติว่าจำเลยมีความผิดจริง การนำตัวผู้ต้องหาออกประกอบการแถลงข่าวจึงไม่ต่างอะไรกับการพิจารณาและพิพากษาคดีก่อนศาล
เพราะมีคนทำงานซ้อนและซ้ำกันมากเกินไป การสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้ต้องหาในคดีนี้จึงไม่เป็นความลับ ทุกคนอยากแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวจึงสามารถติดตามและเปิดเผยผลการสืบสวนสอบสวนได้ทุกระยะ จนแม้กระทั่งว่าดีเอ็นเอที่ตรวจพบเป็นของใครหรือไม่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารายงานข่าวความคืบหน้าหรือไม่คืบหน้าของการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ เช่นนี้ อาจทำให้ผู้กระทำความผิดไหวตัวและหลบหนีไปได้
ผลของคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจะเป็นอย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลนี้ควรใส่ใจและรีบกระทำโดยเร็วก็คือ แก้ไขเปลี่ยนแปลง และปรับปรุงระบบการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ไม่ให้มีการทำงานซ้ำซ้อนกันหลายชั้น ไม่ให้มีการก้าวก่ายกัน และ แก้ไขการปฏิบัติกับผู้ต้องหาเสมือนเป็นจำเลยก่อนที่จะถึงการพิจารณาพิพากษาของศาล
ถ้ามิฉะนั้นกระบวนการยุติธรรมก็จะยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาของ สุจริตชนได้อย่างแท้จริง.
ขอบคุณภาพประกอบจาก : ไทยรัฐออนไลน์