เปลี่ยน "เอาชนะ"เป็น"สงบสุข" ทุกหมู่บ้าน "อุดมเดช"ลั่น1 ปีเหตุรุนแรงต้องลด 50%
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนใหม่ ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย กล่าว 2 ครั้งในห้วงเวลาใกล้ๆ กันว่า เขาจะปรับยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ใหม่ และลดความรุนแรงลงให้ได้ 50% ใน 1 ปี
พล.อ.อุดมเดช กล่าวหลังเสร็จพิธีรับมอบหน้าที่ ผบ.ทบ.จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันอังคารที่ 30 ก.ย.57 โดยเป็นการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ผบ.ทบ.
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า หน้าที่ของกองทัพบก คือ พิทักษ์ รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต และจะไม่ยอมให้ใครมาล่วงละเมิด การทำงานหลังจากนี้จะปฏิบัติตามภาระหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งหน้าที่หลัก คือ การปกป้องอธิปไตยของชาติและดูแลพื้นที่ของประเทศไทยให้มีแต่ความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาเขตแดน จะต้องรักษาไว้ไม่ให้มีปัญหา โดยอยู่ภายใต้ความระมัดระวังและความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นสิ่งสำคัญ
ส่วนการดูแลพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทุกคนมีความเป็นห่วงสถานการณ์นั้น เราต่อสู้และดำเนินการเพื่อให้เกิดความสงบสุขเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้นโยบายในการทำงานไว้ว่า จะทำอย่างไรให้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสงบสุขขึ้นมาให้ได้ หรืออย่างน้อยสถานการณ์ต่างๆ ต้องลดลง สามารถควบคุมได้ และสร้างความสุขให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน
ตั้งใจว่าจะดำเนินการและพยายามทำให้ดีที่สุดตามที่นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์) ได้ให้นโยบายไว้ โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับนโยบาย, ระดับขับเคลื่อน และระดับการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ดูแลพื้นที่ก็จะต้องทำให้ดีที่สุด
"เรามีความพยายามที่เคยใช้คำว่าจะเอาชนะทุกหมู่บ้าน ต่อไปนี้ผมจะให้คนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้รู้สึกว่าตัวเขาเองไม่ได้สู้รบกับใคร เราจะสร้างความสงบสุขให้กับหมู่บ้าน เมื่อหมู่บ้านสงบสุข อำเภอและจังหวัดก็จะสงบสุขไปด้วย เราจะใช้วิธีการทำความเข้าใจในการพูดคุยให้ไปสู่ทุกกลุ่ม ผมจะทำในสิ่งนี้เพิ่มเติมขึ้น คู่ขนานกับแนวทางเดิม ซึ่งจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาว่าจะต้องทำในทุกระดับ"
"ผมเชื่อมั่นว่าถ้าทำในลักษณะนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องดีขึ้น ขอฝากผู้ที่เห็นต่างในพื้นที่ให้ร่วมมือกัน ท่านอยากได้อะไร และคิดอย่างไรก็มาพูดคุยกัน และเราจะสนับสนุนสิ่งต่างๆ ที่ถูกที่ควรตามรัฐธรรมนูญ เราจะต้องทำให้ดีเพื่อนำมาซึ่งความพึงพอใจและอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ต่อมา วันจันทร์ที่ 6 ต.ค.57 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อุดมเดช เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) วาระพิเศษ ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.
พล.อ.อุดมเดช แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการพบปะหารือกับเพื่อชี้แจงนโยบายและเน้นย้ำในฐานะที่เข้ามารับหน้าที่ ผบ.ทบ. โดยมีคติพจน์การทำงานคือ "ร่วมใจ ริเริ่ม จริงจัง เพื่อชาติ และราชบัลลังก์" ฉะนั้นกองทัพบกต้องปฏิบัติงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้
โดยในปี 2558 เป็นปีแห่งการปฏิบัติงานของกองทัพบกที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรมทุกด้าน สอดรับกับแนวทางการปฏิบัติงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้กำหนดเอาไว้
ทั้งนี้ลักษณะงานจะมี 2 แบบ คือ 1.การตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล และ คสช. และตอบสนองนโยบายของผู้บังคับบัญชาในแต่ละลำดับชั้น รวมถึงการปฏิบัติตามแผนงานต่างๆ ของกองทัพบก 2.การกำหนดงานเร่งด่วนที่ต้องปฏิบัติ เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม 12 ประการ
สิ่งที่มุ่งหวังและคาดว่าจะให้เห็นผล 1 ปี คือ เรื่องการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการปฏิบัติงานจะสานต่อนโยบายเดิม โดยได้เน้นย้ำกับผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ว่าจะต้องดูแลสถานการณ์ให้ได้ และสถานการณ์ต้องดีขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงการบูรณาการกับหน่วยงานราชการที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ส่วนกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องดูแลความปลอดภัยของตนเองให้ได้
อีกทั้งถ้าสถานการณ์ในภาคใต้ดีขึ้น อาจจะมีการปรับลดกำลังพลจากกองทัพภาคอื่นๆ ลง โดยจะให้กองทัพภาคที่ 4 สามารถควบคุมการปฏิบัติงานเองทั้งหมด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าภายใน 1 ปีต้องเห็นผลชัดเจน
"ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เกิดความพึงพอใจ โดยตั้งเป้าไว้ว่า 1 ปีต้องควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ให้ได้ และต้องลดสถิติการก่อเหตุด้านความมั่นคง ซึ่งทั้ง 2 อย่างต้องทำให้ได้ 50% ถึงจะเรียกว่าสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.57 พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผบ.ทบ. ได้เดินทางไปอำลาตำแหน่ง ผบ.ทบ.ในโอกาสเกษียณอายุราชการ ที่ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช และได้กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาความขัดแย้งและความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า การแก้ปัญหาชายแดนใต้นั้น จะต้องแก้ให้จบภายใน 1 ปีก่อนที่จะเข้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เนื่องจากเมื่อเข้าสู่อาเซียนแล้วจะมีประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามา หากบ้านเมืองยังไม่สงบก็จะเป็นปัญหา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร
ขอบคุณ : ภาพต้นฉบับจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
หมายเหตุ : ภาพถูก crop และตกแต่งโดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา