สดจากสุราษฎร์! นายกอบต.เพิ่มพูนทรัพย์ ลั่นไม่เคยทุจริตอมเงินขาย"เงาะ"
"..ผมมีหลักฐาน ยืนยันการเบิกจ่ายเงินจากการซื้อขายเงาะให้กับโรงเรียนหรือวัดมายืนยันได้ ว่าผมไม่ได้มีเจตนาทุจริตอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเรื่องนี้ ผมไม่อยากจะบอกหรอกนะว่าคนที่อยู่ก่อนหน้าผม เขาทำอย่างไร เพราะการเก็บเงาะออกไปขาย ทำกันมานานแล้ว ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่ไม่เคยมีหลักฐานมายืนยันได้เลยว่าเงินไปอยู่ไหน.."
เล่นเอาสังคมไทย ฮือฮาไปตามๆ กัน
สำหรับข้อมูลการไต่สวนคดีกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ของผู้บริหารระดับสูงขององค์การบริหารส่วนตำบลเพิ่มพูนทรัพย์ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี กรณีให้เอกชนรับเหมาจำหน่ายเงาะโรงเรียนในลักษณะการจำหน่ายทรัพย์สินของทางราชการแต่เมื่อรับเงินรายได้แล้วมิได้นำเงินเข้าบัญชีเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลพูนทรัพย์แต่อย่างใด
ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ บางรายได้ใช้สิทธิคัดค้านรายชื่อคณะอนุไต่สวน แต่ปรากฎว่าไม่สามารถติดตามตัวได้ เนื่องจากเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ โดยไม่มีใครรับทราบ
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.สอบ"นายกอบต.เพิ่มพูนทรัพย์ จ.สุราษฎร์ฯ-พวก"ทุจริตขายเงาะ)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้มีโอกาสพูดคุยกับ "นายสุนทร สุขเจริญ" นายกอบต.เพิ่มพูนทรัพย์ ที่ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีทุจริตอมเงินขายเงาะดังกล่าว
คำตอบแรกที่ได้รับ คือ "ผมถูกใส่ร้ายจากฝ่ายตรงข้าม"
"ผมใกล้จะหมดวาระในเร็วๆ นี้แล้ว ก็ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามผมจะทำอะไรแบบนี้ เล่นกันแรงมาก เอาข้อมูลที่ไม่ถูกตรง ไม่เป็นความจริงไปฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช. ทำให้ผมเสียชื่อเสียงมาก ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย"
นายสุนทร สุขเจริญ ยังกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้สำนักข่าวอิศรา รับทราบต่อไปว่า ในช่วงที่เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นนายกอบต.ฯ มีการเก็บเงาะที่ปลูกไว้ในพื้นที่ราชการ ออกไปจำหน่ายจริง
"ทุกปีมันมีผลผลิตเงาะออกมา และมีการนำเงาะในพื้นที่ออกไปจำหน่ายจริง แต่อยากจะบอกความจริงเพิ่มเติมว่า จำนวนต้นเงาะที่ปลูกไว้ ไม่ได้เต็มพื้นที่ 17 ไร่ ตามที่มีการไปร้องเรียนกัน ในพื้นที่ 17 ไร่ มันมีต้นเงาะอยู่แค่ 19 ต้นเท่านั้น"
"ส่วนรายได้ตอบแทนที่กลับมา ก็อยู่แค่ 1 หมื่นเศษ ไม่ได้เยอะมากนัก และต้นเงาะเหล่านี้ มันก็ขึ้นเองตามธรรมชาตินะ ทางอบต.ไม่ได้เสียงบประมาณเข้าไปดูแลอะไรเลย"
เมื่อถามว่า ในข้อกล่าวหาระบุว่า รายได้จากการขายเงาะ ไม่ได้ถูกนำเข้าอบต.เป็นรายได้แผ่นดิน นายสุนทร สุขเจริญ ตอบว่า "จริงๆ ผมก็เพิ่งมารู้หลังจากเข้ารับตำแหน่งเหมือนกัน ว่า มีการเก็บเงาะไปขาย ซึ่งหลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลแล้ว ผมเห็นว่าเงินจำนวนนี้ไม่ได้มากมายนัก และเราก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรดูแลมัน ผมก็เลยสั่งให้นำเงินส่วนนี้ ไปถวายวัด มอบเป็นค่าใช้จ่ายให้โรงเรียน เพื่อสร้างสาธารณประโยชน์แทนการนำเข้าอบต."
"ผมมีหลักฐานยืนยันการเบิกจ่ายเงินจากการซื้อขายเงาะให้กับโรงเรียนหรือวัดมายืนยันได้ ว่าผมไม่ได้มีเจตนาทุจริตอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเรื่องนี้ ผมไม่อยากจะบอกหรอกนะว่าคนที่อยู่ก่อนหน้าผม เขาทำอย่างไร เพราะการเก็บเงาะออกไปขาย ทำกันมานานแล้วก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่ไม่เคยมีหลักฐานมายืนยันได้เลยว่าเงินไปอยู่ไหน เอาไปใช้ทำอะไร แต่ของผมมีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจน ว่าเอาไปมอบให้วัดหรือโรงเรียน"
เมื่อถามว่า นายสัมพันธุ์ เพชรประดิษฐ์ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้รับเหมาเก็บเงาะ เป็นใคร นายกอบตเพิ่มพูนทรัพย์ ตอบว่า "ผมไม่รู้จัก เพราะจริงๆ เรื่องเก็บเงาะนี้ ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย คนที่เป็นผู้รับผิดชอบจริงๆ คือ นายสุนทร ทวีศิลป์ เลขานุการนายก อบต.เพิ่มพูนทรัพย์ ผมจะรู้ข้อมูลก็ต่อเมื่อเวลาที่เขามาแจ้ง"
เมื่อถามว่า เลขานุการนายก อบต.เพิ่มพูนทรัพย์ เป็นผู้รับผิดชอบ นายกอบตเพิ่มพูนทรัพย์ ยืนยันว่า "ในเอกสารของนายสัมพันธ์ุ ที่มีบอกว่าติดต่อกับ คุณสุนทร แต่ผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้คุณสุนทร ก็ลาออกไป และไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้เลย ผมพยายามติดต่อก็ติดต่อไม่ได้"
เมื่อถามย้ำว่า พร้อมจะไปชี้แจงข้อมูลต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ นายกอบตเพิ่มพูนทรัพย์ ตอบว่า "ไม่มีปัญหาในส่วนของ ป.ป.ช. ผมพร้อมจะชี้แจงข้อเท็จจริงอยู่แล้ว และป.ป.ช.ก็เข้ามาตรวจสอบข้อมูลไปแล้ว ผมยังให้เขาไปลงพื้นที่ดูข้อมูลเกี่ยวกับต้นเงาะเลย ว่าจริงๆ แล้ว มันมีแค่ 19 ต้นเท่านั้น"
"เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็ไม่มีเจตนาที่จะทุจริตอะไรเลย เงินมันแค่ไม่กี่บาท และก็ไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์เอง เอาไปให้วัดให้โรงเรียน สร้างสาธารณะประโยชน์ เรื่องมันมีแค่นั้นจริง"
"ส่วนจะมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ แต่ยืนยันได้ว่า ผมบริสุทธิ์ใจ " นายกอบตเพิ่มพูนทรัพย์ กล่าวทิ้งท้าย