สนง.ทรัพย์สินฯ ทุ่มหมื่นล. สร้าง ‘หลังสวน วิลเลจ’ แม่แบบพัฒนาอสังหาฯ ช่วยคนจน
สนง.ทรัพย์สินฯ ผุดโครงการเอง ‘หลังสวน วิลเลจ’ หวังเป็นโมเดลพัฒนาอสังหาฯ แนวใหม่ ไม่แสวงหากำไร ‘ดร.จิรายุ’ ระบุ บ.สยามสินธร รับสิทธิพัฒนา ใช้งบก่อสร้างกว่า 1 หมื่นล้านบ. คาดแล้วเสร็จปี 62
วันที่ 24 กันยายน 2557 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดแถลงข่าว ‘นโยบายและแนวทางใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์’ ณ ห้องเทเวศร์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สินฯ มีพื้นที่ถือครองในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 4.1 หมื่นไร่ ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่ร้อยละ 93 เป็นพื้นที่ให้เช่ากับประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง รวมทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรทำประโยชน์เพื่อสังคม ในอัตราค่าเช่าที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก ส่วนอีกร้อยละ 7 เป็นพื้นที่ให้เอกชนพัฒนาเชิงพาณิชย์ ในอัตราค่าเช่าที่เป็นไปตามราคาตลาด พร้อมยืนยันว่าไม่มีพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเหลืออยู่เลย
สำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมานั้น ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ ระบุว่า ไม่มีนโยบายพัฒนาที่อยู่อาศัยในชุมชนแออัดรูปแบบตึกสูง เพราะจะกระทบวิถีชีวิตของประชาชนได้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาพื้นที่รูปแบบแนวราบตามแนวคิดโครงการบ้านมั่นคง ภายใต้ความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) จำนวน 39 ชุมชน เช่น ชุมชนซอยรามคำแห่ง 39 ชุมชนพลับพลา ชุมชนเกาะกลาง พระโขนง เป็นต้น ซึ่งสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนแออัดได้อย่างดี
นอกจากนี้ยังพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ด้วย จึงต้องบูรณะโดยอาศัยผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกดำเนินการหลายแห่ง จนเกิดความภาคภูมิใจ อาทิ อาคารโดยรอบพระบรมมหาราชวัง อาคารบริเวณตลาดนางเลิ้ง อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ และสวนนาคราภิรมย์
ดร.จิรายุ กล่าวถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวใหม่ว่า สำนักงานทรัพย์สินฯ มีนโยบายจัดตั้งโครงการ ‘หลังสวน วิลเลจ’ ขึ้น บริเวณถนนหลังสวน โดยริเริ่มมากว่า 10 ปี แล้ว เพื่อดูแลผู้เช่าเดิมให้ดีที่สุดจากการสร้างสิ่งที่มีคุณภาพ ภายใต้งบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้บริษัท สยามสินธร จำกัด ซึ่งเป็นของสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นผู้พัฒนา
“ที่ผ่านมาสำนักงานทรัพย์สินฯ จะมอบหมายให้ภาคเอกชนผู้เช่าพื้นที่เป็นผู้พัฒนา แต่โครงการ ‘หลังสวน วิลเลจ’ จะดำเนินงานเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวมมากที่สุด” ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ กล่าว และว่าหากให้ผู้เช่าพื้นที่เป็นผู้พัฒนาจะพบมีการแสวงหาผลกำไรสูงสุดมากกว่าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
เมื่อถามอีกว่า มีโอกาสใช้นโยบายแนวใหม่นี้กับการพัฒนาพื้นที่อื่น เช่น ตลาดเฉลิมลาภ ย่านประตูน้ำหรือไม่ ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ กล่าวว่า ต้องพัฒนา เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีความเสื่อมโทรมและเสี่ยงเชิงสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินการควบคู่กับโครงการ ‘หลังสวน วิลเลจ’ แต่ด้วยตลาดเฉลิมลาภมีพื้นที่ขนาดเล็ก และไม่ใช่ที่อยู่อาศัย จึงมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เราได้ติดตามดูแลผลกระทบผู้เช่าอย่างละเอียด โดยทำอย่างไรให้ผู้เช่ารายเก่าสามารถกลับมาใช้พื้นที่ใหม่ได้ และไม่ส่งผลกระทบระหว่างการพัฒนา ถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสนใจอย่างมาก
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ ถ.ราชดำเนินกลาง ดร.จิรายุ ยกตัวอย่างอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำนักงานทรัพย์สินฯ มิได้พัฒนาเพื่อมุ่งแสวงหาผลประโยชน์เชิงรายได้ แต่กลับตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในอนาคตจะดำเนินงานไปสู่จุดมุ่งหมายการใช้อาคารให้เกิดประโยชน์ในแง่ประวัติศาสตร์ สมกับชื่อถนน ทั้งนี้ คงไม่สามารถผลักดันในรูปแบบโครงการขนาดใหญ่ได้ เพราะยังติดขัดเกี่ยวกับการจัดการ เช่น พื้นที่จอดรถ ถนน เป็นต้น
ด้านนายยศ เอื้อชูเกียรติ ประธานกรรมการ บริษัท สยามสินธร จำกัด กล่าวว่า โครงการ ‘หลังสวน วิลเลจ’ จะตั้งอยู่บนพื้นที่ 52 ไร่ โดยแบ่งเนื้อที่ใช้สอยเป็นที่อยู่อาศัย 30 ไร่ ใช้สอยทั่วไป 15 ไร่ เช่น สร้างทางเดิน ตั้งร้านค้า เป็นต้น สุดท้าย สร้างโรงแรม 5 ดาว และพิพิธภัณฑ์ 7 ไร่ แต่ยืนยันไม่พัฒนาเพื่อคนมีฐานะ เพราะเรามุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อคนจนและผู้เช่าเดิมอยู่ได้ .