“พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” : รบ.สัญญาแก้ทุจริต ใครผิดปราบปรามเหี้ยน
”ผมในนามรมว.ยุติธรรม ขอให้คำมั่นว่าการแก้ไขปัญหาทุจริตนั้นรัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยผ่านกลไกของรัฐบาลทุกภาคส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นสากล และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาการทุจริต”
หมายเหตุ www.isranews.org : เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2557 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวสุนทรพรจน์ภายในงานประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้กรอบเอเปค เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะว่าด้วยการดำเนินคดีทุจริตและฟอกเงินอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคนิคด้านข่าวกรองทางการเงินเพื่อความสำเร็จในการติดตามทรัพย์สินคืน จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่จากต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมเป็นจำนวนมาก
----
“ทุกประเทศในภูมิภาคตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงของการทุจริตคอร์รัปชั่นและพยายามช่วยกันกำจัดปัญหาการทุจริตและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามการทุจริต โดยมุ่งเสริมสร้างสมรรถนะในการปราบปรามคดีทุจริตและการฟอกเงิน โดยใช้เทคนิคการปราบปรามทางการเงินเพื่อติดตามทรัพย์สินจากการทุจริตให้กลับคืนมา รัฐบาลไทยที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินโดยการสานต่อภารกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 3 ประการ ได้แก่ การบริหารราชการแผ่นดิน, การปฏิรูปประเทศ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและกลับสู่การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์”
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างมาก ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมารัฐบาลแสดงความจริงใจในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาอุปสรรคขจัดข้อขัดข้องต่างๆ โดยเฉพาะในการปรับปรุงกฎหมายด้านกระบวนการยุติธรรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบขึ้นภายใต้คำสั่งของคสช.ที่ 69/2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตอันมิชอบเพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาและยกระดับหน่วยงานของรัฐให้เทียบเท่าระดับสากลโดยแท้จริง
และไม่ให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นในส่วนราชการ โดยใช้มาตรการทางการปกครองและดำเนินการทางวินัยต่อผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็วและจริงจังเด็ดขาด หากผู้ใดละเลยเพิกเฉยให้ถือเป็นความผิดของผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานนั้นๆ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดูแลและปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ถือเป็นการใช้มาตรการทางวินัยเสริมมาตรการทางอาญา”
“นอกจากนั้นรัฐบาลมอบให้กระทรวงยุติธรรมยกร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการพิสูจน์พยานหลักฐานในทางการเงินและบัญชีและสนับสนุนเร่งรัดการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายตามที่ป.ป.ช.ได้เสนอแนะ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทุจริตมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเป็นรูปธรรมมากขึ้น รัฐบาลกำหนดให้การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลในการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในภาครัฐเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายหลักของครม.”
“ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริตระยะที่ 2 สู่การปฏิบัติโดยอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่สังคมที่โปร่งใส ลดปัญหาการทุจริต และยกระดับค่าดัชนีชี้วัดภาพลักษ์คอร์รัปชั่นที่จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติที่สูงขึ้น เนื่องจากในปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับดัชนีชี้วัดการคอร์รัปชั่นที่ต่ำลง สืบเนื่องจากปัญหาที่สำคัญคือ ปัญหาการเมืองภายใน และการรบริหารราชการที่ทำให้เกิดการทุจริตอย่างกว้างขวาง ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันจะดำเนินการแก้ไขอย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลคำนึงถึงความสำคัญและบทบาทของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านการทุจริต โดยกระทรวงยุติธรรมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ”
“ผมในนามรมว.ยุติธรรม ขอให้คำมั่นว่าการแก้ไขปัญหาทุจริตนั้นรัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยผ่านกลไกของรัฐบาลทุกภาคส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นสากล และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการประชุมในครั้งนี้”
อ่านประกอบ : “ไพบูลย์”ยันไม่แทรกแซงป.ป.ช. ลั่นหากทำผิดทุจริตเองลาออกทันที