“ชินวรณ์” ซัดนโยบายศึกษารัฐบาลด้อยคุณภาพ- เฟซบุ๊คส์ตั้งกลุ่มจับตา “วรวัจน์”
“ปลัด ศธ.” แจงยุบ กยศ.เป็น กรอ.ทันปี 55 เชียร์กองทุนใหม่ให้ประโยชน์กว้างกว่า คลุมเด็กรวย-อาชีวะ “ชินวรณ์” ซัดนโยบายศึกษาเน้นแต่ปริมาณ ค้านเอางบตำราฟรีซื้อแท็ปเล็ต-ชี้คลังต้องกุมขมับ กรอ.ไม่ได้เงินคืน คนเฟซบุ๊คส์ ตั้งกลุ่ม “รมว.ศึกษา”
วันที่ 24 ส.ค.54 นายอภิชาติ จีระวุฒิ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบัญชีจ่ายที่หนึ่ง กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กล่าวว่า ตามที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายให้ปรับกองทุน กยศ. เป็นกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต(กรอ.) ไม่ได้หมายความว่าจะยุบ กยศ.ทันที เพราะตอนนี้กฎหมายเดิมยังไม่ได้ยกเลิก เนื่องจากกฎหมาย กรอ.ยังไม่เสร็จ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่จะต้องทำให้ทันปีการศึกษาที่ 1/2555
อีกทั้งยังมีเด็กที่อยู่ในระบบกู้ของ กยศ.จึงต้องค่อยๆยุบไปทีละปีจนกว่าเด็กจะจบ ตอนนี้จึงเป็นเพียงยุติการให้กู้รายใหม่ ส่วนกรณีที่ รมว.ศึกษาธิการมีนโยบายพักหนี้ค้างชำระและให้หยุดฟ้องคดีนั้น คงต้องพิจารณาข้อกฎหมายก่อนว่าจะยุติการฟ้องในทันทีหรือต้องฟ้องไปก่อนตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้อายุความขาด
“คนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่า กรอ.จะดีกว่า กยศ.หรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แต่มองว่าสิทธิประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจะกว้างกว่า เพราะรัฐมีเจตนาว่าหากเด็กแสดงความต้องการกู้มากเท่าใดก็เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องจัดการให้ โดยไม่คำนึงถึงรายได้ครอบครัว ลูกเศรษฐีก็กู้ได้ กลุ่มเป้าหมายจะกว่าเดิม โดยเฉพาะอาชีวศึกษา ซึ่งปัจจุบัน กยศ.ยังจัดให้ไม่ครบตามที่เด็กแสดงความจำนง”
ปลัด ศธ.ยังกล่าวว่า อย่างไรก็ตามขณะที่ทุกองค์กรหลักได้เตรียมสร้างหลักเกณฑ์ทำความเข้าใจกับนักเรียนนักศึกษาแล้ว เพื่อให้เดินหน้าได้ทันทีเมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จ เพื่อให้ทันปีการศึกษาที่ 1/2555
ทั้งนี้ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 24 ส.ค.นี้ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต รมว.ศธ. ได้อภิปรายนโยบายด้านสังคม การศึกษา คุณภาพชีวิตของรัฐบาล ขาดการบูรณาการและมองถึงการปฏิบัติจริง เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญด้านสังคมเท่าด้านเศรษฐกิจ จึงใช้คนไม่ตรงกับงาน เช่น นายสันติ พร้อมพัฒน์ เชี่ยวชาญด้านก่อสร้างกลับตั้งเป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขณะที่ รมว.ศธ.ทั้ง 3 คน ก็แต่งตั้งแบบน่าเป็นห่วง ทั้งนี้อย่างไรก็ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันนำประเทศสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งหัวใจสำคัญคือการศึกษา ขณะที่นายกฯแถลงว่าจะมีการปฏิรูปองค์ความรู้และหลักสูตร แต่จริงๆแล้วควรกำหนดให้เรื่องการพัฒนาการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ และควรใจกว้างควรเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อจากรัฐบาลก่อน
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายการกระจายโอกาสและความเสมอภาคทางด้านการศึกษานั้น เห็นชัดว่าเน้นเชิงปริมาณมากกว่าคุณภาพ รัฐบาลนี้ไม่พูดถึงเรียนฟรี 15 ปีว่าจะเอาอย่างไร เด็กนักเรียนในชนบทยังมีโอกาสที่จะได้รับจัดสรรชุดนักเรียน อุปกรณ์ ตำราเรียนฟรี เงินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนหรือไม่ ที่น่าเป็นห่วงคือจะยกเลิกตำราเรียนฟรีไปซื้อแท็ปเล็ต ทั้งๆที่งบตำราเรียนแค่ 6 พันล้าน จากงบเรียนฟรีทั้งหมด 7.6 หมื่นล้าน เพราะฉะนั้นอยากให้รัฐบาลยืนยันชัดเจนว่าเด็กทุกกลุ่ม ไม่ว่าอยู่ห่างไกลด้อยโอกาสอย่างไร จะมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
“กรณีที่รัฐบาลเตรียมยกเลิก กยศ. เปลี่ยนเป็น กรอ. นั้น สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีนโยบายชัดเจนจะเพิ่มเงินกองทุน กยศ.ให้นักเรียนที่ด้อยโอกาสอีก 250,000 ราย ปัจจุบันมีเงินปล่อยกู้ทั้งหมด 1.3 แสนล้านบาท ผู้กู้ 2.3 แสนคน มีลูกหนี้ กยศ.ที่จบและมีงานทำ 4 แสนกว่าคน จะฟื้น กรอ.คิดแล้วหรือไม่ว่าต้องอาศัยกฎหมายอะไร ใช้เวลาเท่าไหร่ เตรียมงบประมาณอย่างไร คลังกุมขมับ โดยเฉพาะกรณีที่ให้ลูกหนี้ใช้เงินคืนเมื่อมีรายได้เดือนละ 16,000 บาท หากมีไม่ถึงจะทวงเงินคืนอย่างไร เพื่อภาษีของประชาชนกลับไปสู่การหมุนเวียน และ กรอ.ดีกว่า กยศ. อย่างไร”
นายชินวรณ์ ยังกล่าวและว่า หัวใจสำคัญการศึกษาอยู่ที่ครู รัฐบาลที่ผ่านมาได้เตรียมขึ้นเงินครู 13% พร้อมพัฒนาครูทั้งระบบ แต่รัฐบาลนี้กับยกเลิกโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเว็บไซต์ Facebook ได้มีผู้ตั้งหน้าเพจใช้ชื่อว่า “จับตาอย่ายอมให้วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุลโกงประเทศ(รมตศึกษาธิการ)” ซึ่งเว็บเพจดังกล่าวถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ที่ 22 ส.ค. ขณะนี้มีผู้เข้ามากดไลค์ (like) ถึง 839 คน (ณ เวลา 23.55 น.) โดยข้อความที่โพสต์ส่วนใหญ่ เป็นการให้ความเห็นเกี่ยวกับการออกคำสั่งบริหารงานที่ไร้สาระ โดยเฉพาะโครงการครูพันธุ์ใหม่ ที่นายวรวัจน์ระบุว่าจะให้มีการยกเลิก .
ที่มาภาพ : http://www.ejobeasy.com/newsdetail.php?n=90504151051