“บิ๊กตู่”แย้มรู้เบื้องหลังชายชุดดำจะตกใจ! ลั่นอย่าขุดปัญหาเก่ามาป้ายสี
"พล.อ.ประยุทธ์" ลั่นเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ปฏิรูปประเทศจริงจัง ไม่ใช่รอเลือกตั้งไปวัน ๆ ขอให้กลุ่มต้านหยุดเคลื่อนไหว อย่าเอาเรื่องเล็กน้อย-เรื่องเก่ามาจับผิดใส่ร้ายกัน แย้มเบื้องหลังชายชุดดำถ้าบอกแล้วจะตกใจ ชี้มอบตัวเผื่อได้รับความกรุณาจากศาล ระบุนโยบายรบ.แบบเก่าเป็นนามธรรม ปฏิบัติจริงไม่ได้ จี้คนรวยเสียสละเพื่อส่วนรวม ย้ำรัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ต้องประชานิยม – ขอประชาชนให้มีสติ อย่าตกเป็นเครื่องมือ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ถึงความคืบหน้าในการบริหารประเทศ
@ลั่นเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ปฏิรูปประเทศจริงจัง ไม่ใช่รอเลือกตั้งไปวัน ๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้อาจพบกับท่านในหลายบทบาท ซึ่งน่ายินดี เพราะช่วงเช้ารัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับทราบเรียบร้อย หมายความว่า รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) รองนายกรัฐมตรี และรัฐมนตรี สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ ทั้งสั่งการ ลงนามเอกสาร และขับเคลื่อนนโยบาย ตนในฐานะนายกฯก็สบายใจที่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และจารีตประเพณี คือการแถลงนโยบายให้ สนช. และประชาชนทราบ หมายความว่า ต่อไปนี้พวกเรา และ ครม. จะขับเคลื่อนประเทศชาติไปด้วยกัน ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศในทุกมิติ ส่วนนโยบายนั้นเป็นการร่างโดยใช้เงื่อนไขเพื่อสานต่อการปฏิบัติการของ คสช. ยามบ้านเมืองไม่ปกติ ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชนที่มีมากมาย
“รัฐบาลปัจจุบันต่างจากในอดีต โดยมีหน้าที่ใหม่ 3 ประการ นอกจากบริหารแผ่นดินแล้ว ยังมีการปฏิรูป และสร้างความปลอดภัยให้ชีวิตและทรัพย์สิน คือการปรองดองควบคู่ไปด้วย รู้ว่ายาก แต่เราจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส ถือเป็นความท้าทายที่ต้องทำในระยะเวลาที่จำกัด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้ไม่ใช่อยู่ไปวัน ๆ เพื่อรอการเลือกตั้ง แต่เราจะทำกันจริงจัง และทำทันที เพื่ออนาคต ไม่ได้หมายความว่าแค่ในรัฐบาลต่อไปเท่านั้น แต่เป็นการปูรากฐานประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อประชาธิปไตยอย่างที่กล่าวไว้ เราต้องการให้ประชาชนเติมอิฐ หิน ปูน ทราย เหล็ก ให้เข้มแข็ง ไม่ล่มสลายอีก ช่วยกันเป็นสถาปนิกสร้างประเทศใหม่ให้ถาวร และมีความสุข เพราะหาก คสช. ทำอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอน จึงอยากให้คนไทยทุกคนคิดถึงเรื่องนี้ให้มาก แม้จะเห็นต่างกันก็ต้องดูว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ดังนั้นอย่าต่อสู้ด้วยความรุนแรง หรืออาศัยช่องว่างต่าง ๆ ใครผิดใครถูกให้กฎหมายทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เป็นธรรม และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ไม่เลือกปฏิบัติ
@ขอให้กลุ่มต้านหยุดเคลื่อนไหว อย่าเอาเรื่องเล็กน้อย-เรื่องเก่ามาจับผิดใส่ร้ายกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวการต่อต้านทั้งเปิดเผยบ้าง ลับบ้าง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีการกล่าวให้ร้ายในเครือข่ายสังคมออนไลน์ อยากขอร้องให้ท่านลืมตาให้กว้าง ไตร่ตรองใคร่ครวญว่า แต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร เพื่อร่วมกันให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่มัวแต่รอว่าเมื่อไหร่จะยกเลิกกฎอัยการศึก หรือกฎหมายพิเศษ เพื่อเตรียมเคลื่อนไหว ตนคิดว่าปฏิรูปไม่ได้แน่ และเป็นหน้าที่ของตน และรัฐบาลจะพิจารณาอีกครั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เราเข้าใจดี และเราจะพยายามให้ดีที่สุด ถ้าอยากให้เราดำเนินการได้ดี ก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวต่อต้าน หรือแสดงความเห็นที่ขัดแย้ง ถ้าติเพื่อก่อ หรือติดตามกำกับดูแลเสนอแนะข้อสำคัญ ตนรับฟังหมด แต่อย่าให้เกิดความขัดแย้ง หรือเอาปัญหาเก่า ๆ มาพูด ในเรื่องเดิม ๆ ถ้าเราเอาเรื่องเล็ก ๆ หรือเรื่องเก่า ๆ มาจับผิดใส่ร้ายกัน ไม่ปล่อยให้กฎหมายทำงาน เราก็ทำงานไม่ได้ หรือทำได้ไม่มีประสิทธิภาพ และทุกคนจะออกมาต่อสู้กันอีก แล้วประเทศจะสงบได้อย่างไร
“ยกตัวอย่าง เช่น ผมถูกบิดเบือนข้อมูล มีการปลอมเอกสารหัวท้าย มีลายเซ็นผม ข้อความภายในคิดกันเองแล้วกันว่าจริงหรือไม่ ซึ่งธนาคารก็ชี้แจงแล้วว่าไม่มีบัญชีเงินฝาก ที่บอกว่าผมกับน้องชายปกปิดเงิน 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทำอย่างนั้นคงไม่ใช่ ถ้าเรามีเงินขนาดนั้นจริงก็ดี จะได้นำเงินมาใช้หนี้ หรือสร้างประโยชน์ให้แผ่นดิน ให้สมกับที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ ใครรวยก็ต้องทำ เผอิญว่าผมไม่ได้รวย ทราบว่า ธนาคารชี้แจงแล้ว เรื่องต่าง ๆ จริงบ้าง เท็จบ้าง บางคนอาจจะเชื่อ ถ้าผมไม่พูด ก็จะเป็นอย่างนี้ไปตลอด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@แย้มเบื้องหลังชายชุดดำถ้าบอกแล้วจะตกใจ ชี้มอบตัวเผื่อได้รับความกรุณาจากศาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีบางคนพอถูกจับได้ก็อ้างว่าถูกทำร้าย บางคนเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ และไปร้องเรียนที่ต่างประเทศ ถ้าคิดว่าถูก ไม่ผิดอะไร ก็กลับมาให้เจ้าหน้าที่ไว้วางใจดูแลต่อ ไปต่อสู้กันในศาล ถ้าท่านไว้ใจเรา ตนให้โอกาสทุกท่านเลย แต่อย่าไปพูดลับในต่างประเทศ หรือสร้างความวุ่นวาย ตนเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวตรงนี้อยู่ ต้องเห็นใจเราด้วยในการปฏิรูป อย่าทำให้ประเทศเสียหาย อย่าเอาอะไรไม่ดี ไม่จริงไปเล่าให้ต่างประเทศฟัง น่าอับอายเขา
“วันนี้เราไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้น วอนอย่าไปร่วมมือ และต่อต้านเรา พูดง่าย ๆ อย่าไปสนใจเลย ถ้าเราสนใจ สื่อก็จำเป็นต้องนำมาเผยแพร่ และกลับมาทะเลาะกันอีก แทนที่ประเทศจะสงบ เศรษฐกิจกำลังเดินหน้าไปได้ ก็กลับไปเป็นอย่างเดิมอีก แล้วเราจะนำการปฏิรูปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว ถ้าเราทำแบบเดิม จะแก้ปัญหาได้อย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนพฤติการณ์ยิงเอ็ม 79 และยิเอ็ม 16 ขว้างระเบิดในปี 2553 และปี 2556 – 2557 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการจับกุมได้หลายคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังนั้น ถ้าตนกล่าว ทุกท่านอาจตกใจก็ได้ แต่วันนี้จะยังไม่พูด ปล่อยให้ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรมสืบสวนให้ชัดเจน เราคงไม่ยัดข้อหาให้ใคร
“มีหลายคนที่เกี่ยวข้องหนีไปต่างประเทศกันหมด ถ้าคิดว่าไม่เกี่ยวก็กลับมา เพราะจะมีการโยงใยไปหลายส่วน ทั้งบุคคล ทั้งกลุ่ม และผู้ให้การสนับสนุน เตรียมตัวไว้ ถ้าคิดว่าไม่ผิด ท่านสู้คดีไม่ได้ ก็ถูกดำเนินคดีแน่นอน ดังนั้นให้มอบตัว เผื่อจะได้รับความกรุณาจากศาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ระบุนโยบายรบ.แบบเก่าเป็นนามธรรม ปฏิบัติจริงไม่ได้ จี้คนรวยเสียสละเพื่อส่วนรวม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบริหารราชการเราพยายามทำอย่างต่อเนื่อง หลายคนคิดว่าจะทำจบจริงหรือเพราะมีเรื่องเป็นร้อยเรื่อง แต่เราก็แบ่งเป็น เรื่องเร่งด่วน เรื่องปานกลาง และเรื่องระยะยาวอย่างยั่งยืน ฉะนั้นแผนต่าง ๆ ที่เรานำมาใช้ในการจัดทำนโยบายครั้งนี้ ประกอบด้วยแผนต่าง ๆ 11 ด้าน ครอบคลุมทั้งหมด นอกจากนี้ปัญหาที่ผ่านมา นโยบายรัฐบาลมักเป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรม อ่านดูก็เพลิดเพลินดี แต่ถึงเวลาปฏิบัติ มันนำไปใช้ไม่ได้ เพราะไม่ชัดเจน ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร ขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นปัญหาหลักคือการขาดความเป็นเอกภาพในหน่วยงาน ขาดการบูรณาการ ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ระยะยาว และทำให้ไม่รู้อนาคต
“วันนี้กำหนดนโยบาย และแบ่งมอบงานให้ทุกกระทรวง อะไรที่เป็นงบประมาณในหน่วยงานใด ใครรับผิดชอบหลัก รับผิดชอบรอง หรือรับผิดชอบเสริม ในงานกลุ่มเดียวกัน ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า มีมาตรการตรวจสอบความโปร่งใส สอดคล้องกับส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น มุ่งเน้นให้ประชาชนทราบได้ว่า 5 – 10 ปีข้างหน้า ท้องถิ่นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อลดความขัดแย้ง การต่อต้าน ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งประชาชนทุกคนต้องรู้อนาคตบ้านเมือง เราจะได้ปฏิบัติตัวถูก คนรวยอาจต้องเสียสละเพื่อผลประโยชน์บ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ย้ำรัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ต้องประชานิยม – ขอประชาชนให้มีสติ อย่าตกเป็นเครื่องมือ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้มาจากพรรคการเมือง ไม่ต้องการคะแนนนิยม ฐานเสียง เพียงแต่ต้องการปฏิรูป อย่างยั่งยืน เราไม่ใช่พรรคการเมือง เราไม่ต้องทำโครงการประชานิยม ทำอย่างไรให้คนรักเรา เราจะแก้ปัญหาให้เขา ปัญหาเกิดมาเป็น 10 ปี ไม่ใช่แค่วันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ดังนั้นเราต้องร่วมมือกัน คนที่ขัดแย้งกันมาตลอดก็ต้องช่วย ถ้าไม่ช่วยกันถือว่าท่านไม่ได้รักคนไทยจริง ๆ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ให้ไปต่อสู้กันในทางกระบวนการยุติธรรม
“ถ้าท่านมาอยู่ตรงนี้จะรู้เองว่าทำให้ถูกใจทุกคนไม่ได้ ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายกฎหมาย ไม่อาจทำให้ถูกใจทุกคนได้ โดยเฉพาะกฎหมายมีไว้ตัดสินความถูกผิด ดังนั้นขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ใครผิดก็ผิดอยู่ดี ถ้าพยานหลักฐานครบก็ผิด หนีไม่ได้ หนีไปก็ไม่มีความสุข แล้วทำไมเราต้องเดือดร้อนแทนคนอื่นด้วย ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการให้รอบคอบก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวเลย ผมคิดว่าวันนี้คนกล้าทำผิดน้อยลง เราจะไม่ช่วยเหลือคนผิด หากประชาชนไม่กดดันจะไม่เกิดปัญหาในการทำงาน ฉะนั้นประชาชนส่วนใหญ่มักตกเป็นเหยื่อ ส่วนใหญ่ถูกดำเนินคดี บางทีก็เป็นคดีการเมือง บางอย่างก็เป็นคดีอาญา ฉะนั้นอย่าตกเป็นเครื่องมือของคนอื่น ไม่มีคดีก็ดีอยู่แล้ว วันนี้ทุกคนหาเงินตัวเป็นเกลียว ถ้าถูกจับกุมมาผิดกฎหมาย ใครจะเลี้ยงดูลูกเมีย อย่าคิดว่าทำอย่างนี้ถูกต้อง บางอย่างก็ใช่ บางอย่างก็ไม่ใช่ อย่าโดนปลุกระดม ขอให้มีสติอยู่กับครอบครัว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว