ฟังชัดๆจาก“วุฒิพงศ์”:ผมไม่ได้เอาความเป็นเพื่อน“ปู”มาพิจารณาคดีข้าว
“...คนที่เป็นมืออาชีพเขาก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน เหมือนกันกับที่ศาลเขาก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน กระบวนการยุติธรรมก็ต้องพยานหลักฐานเป็นหลัก ไม่ได้เอาความสัมพันธ์ส่วนตัว ความโกรธ ความเกลียด อย่างนี้ไม่เกี่ยว เรื่องนี้เราก็รู้กันอยู่..”
ชื่อของ “วุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์” รองอัยการสูงสุด (อสส.) กำลังอยู่ในความสนใจของสาธารณชน!
เนื่องจากถูกตั้งเป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฯของฝ่าย อสส. ที่จะไปพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีโครงการรับจำนำข้าว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับฝ่ายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ภายหลัง อสส. มีมติว่า สำนวนคดีดังกล่าวที่ ป.ป.ช. ทำส่งมานั้นเพื่อให้ฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังมีข้อไม่สมบูรณ์หลายจุด
ที่น่าสนใจคือ นายวุฒิพงศ์ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (หลักสูตร วตท.) รุ่นที่ 12 ในช่วงเดือนมีนาคม – กรกฎาคม 2554 มาแล้ว !
ขณะเดียวกัน ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจอีก 4 แห่ง และเคยเป็นหนึ่งในบอร์ดออมสิน ที่ตัดสินใจอนุมัติปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในรูปแบบ “อินเตอร์แบงก์” เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก จนผู้บริหารธนาคารออมสินต้องตัดสินล้มเลิกแผนการนี้ในเวลาต่อมาอีกด้วย
(อ่านประกอบ : พลิกปูมคอนเนกชั่น"วุฒิพงศ์-รองอสส."หน.คณะทำงานคดีข้าว"ยิ่งลักษณ์")
“ก็เรียนด้วยกัน ก็ทราบกันอยู่ แต่จะไปตัดสินโน้มเอียงได้อย่างไร เพราะไม่เกี่ยวกับความเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเลย ก็เฉย ๆ ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้เรียนจบ พอเล่นการเมืองก็ออกไปก่อน”
เป็นคำยืนยันจากปากของ นายวุฒิพงศ์ ที่ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ต่อข้อซักถามที่ว่า เคยเรียนร่วมรุ่นเดียวกันกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอาจทำให้การพิจารณาคดีครั้งนี้ส่อเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนได้ ก่อนจะอธิบายต่อว่า การพิจารณาในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ เพราะอัยการก็ต้องดูไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้เอาความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง มาดู
“คนที่เป็นมืออาชีพเขาก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน เหมือนกันกับที่ศาลเขาก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน กระบวนการยุติธรรมก็ต้องพยานหลักฐานเป็นหลัก ไม่ได้เอาความสัมพันธ์ส่วนตัว ความโกรธ ความเกลียด อย่างนี้ไม่เกี่ยว เรื่องนี้เราก็รู้กันอยู่”
ขณะเดียวกันการที่เคยนั่งเป็นบอร์ดธนาคารออมสิน ในยุคที่ตัดสินใจอนุมัติเงินกู้อินเตอร์แบงก์ให้ ธ.ก.ส. นั้น นายวุฒิพงศ์ ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนอธิบายว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะตอนนั้นเป็นการตัดสินใจของบอร์ดธนาคารออมสิน แต่ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย และปัจจุบันก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว
ส่วนเรื่องความกดดันในการทำงาน เพราะคดีนี้ถือว่าเป็นคดีใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจนั้น นายวุฒิพงศ์ พูดสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า ไม่เห็นมีอะไรกดดัน ผมก็ทำไปตามหน้าที่ ทำไปตามพยานหลักฐาน เขามอบหมายให้เราทำ เราก็ทำ
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “เรื่องการแทรกแซงทางการเมืองนั้นไม่ทราบ ต้องไปเรียนถาม อสส. เอง ผมไม่มี แต่ขอบอกว่าใครจะกล้ามาแทรกแซงเรื่องใหญ่ ๆ ไม่งั้นเสียหาย และหากรู้คนทำก็เสียหายเปล่า ๆ ดังนั้นทางฝ่ายเราก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังตัวอยู่แล้ว”
ทั้งหมดนี้คือคำตอบแบบ “ชัด ๆ” จากปากของนายวุฒิพงศ์ รอง อสส. ผู้ถูกสังคมตั้งคำถามถึงการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ ในการตั้งคณะทำงานร่วมฯกับ ป.ป.ช. อยู่ในขณะนี้
ส่วนจะการพิจารณาจะออกมาในแนวทางใดนั้น ต้องจับตาดูอย่างต่อเนื่อง !
หมายเหตุ : ภาพประกอบ โกดังข้าว จาก bangkokbiznews