ส.พิทักษ์รธน.ยื่น สตง.-ปปช.สอบไมโครโฟนไฮเทคทำเนียบ แพงเว่อร์
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกโรงยื่นหนังสือร้องเรียนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)- ป.ป.ช. ให้ไต่สวนและตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดหาไมโครโฟนทำเนียบรัฐบาลที่มีราคาแพงเกินเหตุขัดหลักพอเพียง ขัดต่อกม.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ส่งจดหมายด่วนถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เพื่อให้ไต่สวนและตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการปรับปรุงภูมิทัศน์และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาลภายใต้งบประมาณ 252 ล้านบาท ตามที่พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง หน.คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษต้นเรื่อง เสนออนุมัติต่อ คสช. โดยมีหม่อมหลวงปนัดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาลดำเนินการอย่างรุกรี้รุกรนจนเกินเหตุ โดยเฉพาะการจัดหาระบบเครื่องเสียงและไมโครโฟนในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีและห้องประชุมต่าง ๆ ในทำเนียบรัฐบาลประมาณ 192 ตัว โดยการว่าจ้างให้บริษัทเอกชนมาดำเนินการให้นั้น ซึ่งปรากฏว่ามีการจัดหาเครื่องเสียงและไมโครโฟนเพื่อใช้ในที่ประชุมดังกล่าวตัวละกว่า 145,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงเว่อร์เกินเหตุ ทั้ง ๆ ที่ราคาที่โฆษณาขายกันในท้องตลาดในโซเชียลมีเดียของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์มีราคมเพียง 1981.95 ดอลล่าห์สหรัฐหรือ 63,422 บาท (1 เหรียญ= 32 บาท) เท่านั้น
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การจัดซื้อจัดหานอกจากจะยังไม่มีความจำเป็น เพราะเครื่องเสียงและไมโครโฟนเดิมก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อยู่ อันขัดต่อหลักความพอเพียง ความประหยัด ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หน.คสช.และนายกรัฐมนตรี พูดมาโดยตลอด อีกทั้งเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหมวด 2 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ประกอบมาตรา 103/7 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบรามการทุจริต พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 โดยชัดแจ้ง และเรื่องดังกล่าวจะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จทันทีที่คณะรัฐมนตรีได้ใช้เครื่องเสียงและไมโครโฟนดังกล่าวในการประชุม ครม.วันที่ 9 กันยายนนี้
"เรื่องดังกล่าวสมาคมฯไม่อาจปล่อยให้เรื่องดังกล่าวลอยนวลและหายไปตามกระแสของสังคมได้ จึงต้องร้องเรียนให้ สต.และปปช.ไต่สวน ตรวจสอบ และเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป"