อสส.ชี้สำนวนสอบคดีข้าว"ปู" ไม่สมบูรณ์-ต้องตั้งคณะทำงานร่วมป.ป.ช.
อสส.ชี้สำนวนสอบคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่สมบูรณ์ พบ 3 ประเด็น นายกฯมีสิทธิ์ยับยั้งโครงการหรือไม่-มีการป้องกันการทุจริตหรือไม่-พบทุจริตในขั้นตอนใด หลังส่งหลักฐานแค่หน้าปกผลวิจัย TDRI แจ้ง ป.ป.ช. เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมฯพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์แล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 เวลา 14.00 น. สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) มีการแถลงข่าวในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนพร้อมความเห็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 มาตรา 123/1
นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า อัยการสูงสุดได้ตั้งคณะทำงานซึ่งมีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงาน คณะทำงานมีความเห็นว่ายังมีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา และเสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้ว เห็นว่ามีประเด็นที่ยังไม่สมบูรณ์ สรุป ดังนี้
1.ประเด็นเรื่องโครงการรับจำนำข้าว เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโครงการรับจำนำข้าวดังกล่าวเป็นโครงการของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้เป้นนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 178 บัญญัติให้ในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาด้วย ดังนั้น จึงควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ความชัดว่า นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการที่จะยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้วหรือไม่
2.ประเด็นเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ควรทำการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความว่า ภายหลังจากที่โครงการรับจำนำข้าวได้ถูกท้วงติงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาได้ดำเนินการตรวจสอบและป้องกันการทุจริตหรือไม่ อย่างไร ผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร
3.ประเด็นเรื่องการทุจริต ควรไต่สวนพยายานเพิ่มเติมให้ได้ความว่า โครงการรับจำนำข้าวที่ยืนยันว่ามีการทุจริตนั้น พบการทุจริตในขั้นตอนใด และมีการทุจริตอย่างไร นอกจากนั้นมีการกล่าวอ้างถึงรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ว่า โครงการดังกล่าวมีการทุจริตและมีความเสียหายจำนวนมาก แต่ในสำนวนการไต่สวนปรากฏว่า มีเพียงหน้าปกรายงานวิจัยเท่านั้น ดังนั้น จึงให้รวบรวมรายงานวิจัยทั้งฉบับเป็นพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนให้สมบูรณ์ด้วย
นายวันชัย กล่าวอีกว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว ในวันที่ 4 กันยายน 2557 และมีคำสั่งตั้งผู้แทนอัยการสูงสุดเป็นคณะทำงานร่วมกับผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในระยะเวลา 14 วัน แบ่งเป็นฝ่ายละ 10 คน เพื่อพิจารณาหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับการฟ้องคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า คณะทำงานพิจารณาสำนวนอัยการสูงสุด ได้ส่งความเห็นไปให้กับอัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยความเห็นของคณะทำงานแตกเป็นสองทาง ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าสำนวนคดีนี้ยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องการให้ตั้งคณะทำงานร่วมฯแก้ไขให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าสำนวนเรียบร้อยดีแล้ว และเห็นควรส่งฟ้องศาลฎีกาฯได้เลย