สั่งฟันวินัยร้ายแรง"หน.ผู้ตรวจสธ."เรี่ยไร 3.6 ล.ซื้อรถตู้ให้รมต.ลงพื้นที่
ป.ป.ช. เผยแพร่มติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง-อาญา "นพ.จักรกฤษณ์" หน.ผู้ตรวจราชการ ก.สาธารณสุข สมัยดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์เป็นทางการ คดีเรี่ยไรเงินบริจาคจากโรงพยาบาล 4 จังหวัดภาคใต้ 3.6 ล้าน ซื้อรถตู้โฟล์คสวาเกน ให้รมต.ไว้ใช้งานในระหว่างลงพื้นที่ -กันตัวนักวิเคราะห์นโยบายหญิง เป็นพยาน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.57 ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ลงมติชี้มูลความผิด นายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ขณะดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ กระทรวงสาธารณสุข และนางสาวอัญชลี ภุมมา ขณะดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ ในคดีกล่าวหา ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เรี่ยไรเงินจากโรงพยาบาลในเขตตรวจราชการที่ 6 รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง บริจาคเงินรวม 3,601,020 บาท เพื่อซื้อรถตู้โฟล์คสวาเกน ให้รัฐมนตรีไว้ใช้งานในระหว่างลงพื้นที่
เบื้องต้น ป.ป.ช.ได้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย กับนายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ แล้ว นอกจากนี้ ยังได้ส่งรายงาน เอกสาร ไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตพิจารณาพิพากษาคดีกับนายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ แล้ว
โดย ป.ป.ช. เห็นว่า การกระทำของนายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 85(1),(4) มาตรา 85(7) ประกอบมาตรา 82(2) และมาตรา 85(7) ประกอบมาตรา 83 (3) และมีมูลความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157
ส่วนนางอัญชลี ภุมมา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้กันตัวไว้เป็นพยาน ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2554
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อไปยังนายแพทย์จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า นายแพทย์จักรกฤษณ์ ติดประชุมงานไม่สะดวกที่จะรับโทรศัพท์ ให้ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก hfocus.org