“เหมือนตายทั้งเป็น” ฟังเสียงอดีต ขรก.ถูกป.ป.ช.ฟันโกงสอบฯร้องคสช.
“…ผมอยากบอกให้สังคมเขาดูว่าสิ่งที่เขา (ป.ป.ช.) ชี้มูลมานั้นเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริง ๆ ผมยอมรับสภาพ ผมพูดตรง ๆ ผมสอบมา 4 ครั้ง กว่าจะได้มาเป็น ดังนั้นผมเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย โดยเฉพาะของหัวหน้า คสช. ดังนั้นขอให้ท่านมีเมตตาธรรมด้วย ผมเชื่อมั่นว่าท่านมีแน่นอน…”
กลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาในทันที !
ภายหลังอดีตข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ทั้งปลัดอำเภอ และเจ้าพนักงานปกครองท้องที่ รวม 119 คน นัดรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนตบเท้าพาเหรดกันไปยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา กรณีทุจริตการสอบโรงเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 68-70 เมื่อปี 2552
(อ่านประกอบ : อดีตขรก.ขอความเป็นธรรม คสช. ปมป.ป.ช.ฟันโกงสอบนายอำเภอปี’52)
ส่งผลให้อธิบดีกรมการปกครอง รับลูกมติจาก ป.ป.ช. มีคำสั่งให้ข้าราชการฯทั้งหมด ถูกปลดออกจากราชการ
ภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น อดีตข้าราชการเหล่านี้ได้หารือกันอย่างเร่งด่วน ก่อนจะมีมติออกมาว่า เห็นควรเรียกร้องความเป็นธรรมต่อหัวหน้า คสช. เนื่องจากเห็นว่าการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ไม่ได้ตัดสินอยู่บนฐานข้อเท็จจริง และมีความเคลือบแคลงน่าสงสัยหลายประการ
(อ่านประกอบ : คำร้องอดีตขรก.ขอความเป็นธรรม คสช.ปมโกงสอบนายอำเภอ (ฉบับเต็ม))
“ผมว่ามันเหมือนตายทั้งเป็น เหมือนถูกประหารชีวิตทั้งที่รับราชการอยู่ โดยที่ยังเห็นความสังเวชของตัวเอง”
เป็นหนึ่งในถ้อยคำของ “อดีตข้าราชการฯรายหนึ่ง” ที่บอกเล่ากับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ภายหลังถูกอธิบดีกรมการปกครอง มีคำสั่งปลดออกจากราชการ
ก่อนจะกล่าวต่ออีกว่า ทั้งชีวิตครอบครัว และชีวิตส่วนตัว เดือดร้อนอย่างหนัก ลูกก็เรียนอยู่ 2 คน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะจบหรือไม่ เพราะไม่มีเงินส่งเสีย รวมถึงเงินกู้สหกรณ์ก็โดนเรียกเก็บ ไม่รู้ว่าจะชำระอย่างไร เพราะว่าเจอแบบนี้มันสะดุดทั้งหมด ขนาดประหยัดที่สุดแล้วยังไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึง 6 เดือนหรือไม่
“อดีตข้าราชการฯรายนี้” เล่าว่า เรื่องนี้มันไม่ได้กระทบแค่เพียงตัวเอง แต่มันกระทบเป็นวงกว้างหมด รวมไปถึงสภาพจิตใจ ซึ่งอดีตข้าราชการทุกคนในที่นี้ก็คาดหวังว่า สิ่งที่ตัวเองทำคือความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ที่รอมาเป็นเวลาหลายสิบปี สอบมาหลายครั้ง จนครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จ รวมไปถึงเป็นความคาดหวังของพ่อแม่พี่น้องที่จะได้เห็นความเจริญก้าวหน้า แต่กลับมาพังทลายลงกับตา
“ผมพูดตรง ๆ ว่า ทุกคนเห็นองค์กรที่เขาชี้มูลมาโดยที่รับฟังข้อมูลเพียงพอหรือไม่อย่างไร หรือมีอคติหรือไม่ ผมเชื่อว่าการชี้มูลนี้ไม่เป็นธรรม และมีอคติ แน่นอน ขอให้ตรวจอสบกระบวนการของ ป.ป.ช. ที่เขาทำ”
“ในเรื่องความเป็นธรรม ผมอยากบอกให้สังคมเขาดูว่าสิ่งที่เขา (ป.ป.ช.) ชี้มูลมานั้นเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริง ๆ ผมยอมรับสภาพ ผมพูดตรง ๆ ผมสอบมา 4 ครั้ง กว่าจะได้มาเป็น ดังนั้นผมเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย โดยเฉพาะของหัวหน้า คสช. ดังนั้นขอให้ท่านมีเมตตาธรรมด้วย ผมเชื่อมั่นว่าท่านมีแน่นอน”
ซึ่งคล้ายคลึงกับเหตุผลของ “อดีตข้าราชการฯอีกรายหนึ่ง” ที่เชื่อว่า ป.ป.ช. กระทำการเกินกว่าเหตุ และไม่คิดว่าเป็นการตัดสินที่ยุติธรรมกับตนเอง
“ก็ฝากไปทางผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองว่า เราไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเรื่องกระบวนการไต่สวนทั้งหมดที่ผ่านมา เราคิดว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม โปรดเห็นข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย เพราะคนเดือดร้อนไม่ได้มีแค่ 100 กว่าคน แต่เป็นพัน ๆ คน เพราะแต่ละคนก็เป็นผู้นำครอบครัวทั้งนั้นที่คอยดูแล ซึ่งหนักมากในชีวิตข้าราชการคนหนึ่ง พวกเราทุกคนเชื่อว่าทำคุณงามความดีให้กับบ้านเมืองมาตลอด ดังนั้นไม่น่าจะโดนขนาดนี้”
ก่อนจะเล่าต่อว่า ขณะนี้ชีวิตลำบากมาก โดยเฉพาะเรื่องรายได้ เราไม่มีเลย จากที่เรารับราชการ มีเงินเดือนมากว่า 20 ปี ช่วงนี้เหมือนชีวิตเป็นศูนย์ สวัสดิการก็หายเกลี้ยง ขณะที่ลูก ๆ ก็ต้องเรียนหนังสือ
อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงในคดีนี้ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงและอาญาคือ กรณีมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขลวดเย็บกระดาษ เพื่อแก้ไขนำคำตอบนอกห้องสอบมาใส่แทน จนทำให้คำตอบและลายมือเหมือนกันนั้น
“อดีตข้าราชการฯรายหนึ่ง” อธิบายว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากทำข้อสอบในห้องสอบ และสาเหตุที่คำตอบในข้อสอบเหมือนกัน เพราะท่องจำตำราเล่มเดียวกันมาสอบ ขณะที่บางส่วนเป็นเพื่อนสนิทกัน ก็ติวให้กันและกัน เป็นต้น
“ส่วนกรณีการแก้ไขลวดเย็บกระดาษด้านในปก ก็ไม่เป็นความจริง เพราะขณะทำข้อสอบก็ใจจดใจจ่ออยู่กับโจทย์เท่านั้น ไม่รู้ว่ากระดาษมีลวดเย็บอยู่หรือไม่”
ขณะที่เหตุผลในการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ในเรื่องสมุดกระดาษคำตอบทั้ง 2 ภาค มีผู้ทำข้อสอบเหมือนกันเป็นจำนวนมาก คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ส่งสมุดคำตอบทั้งสองภาคมีร่องรอยไม่เหมือนสมุดคำตอบตัวอย่าง จำนวน 142 คน จึงเชื่อว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขลวดเย็บกระดาษและกระดาษด้านในปก และแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องคือ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง และข้าราชการกรมการปกครองที่รับผิดชอบรวม 8 คน และข้าราชการผู้ได้รับการคัดเลือกจำนวน 142 คน
ทั้งนี้นายวงศ์ศักดิ์ ได้สั่งให้ประธานและเลขานุการรุ่นที่ 68-70 ประสานกับผู้เข้าสอบตามรายชื่อทั้ง 150 คน ให้เขียนกระดาษคำตอบใหม่ โดยให้นายวุฒิชัย เสาวโกมุท (กรรมการและเลขาฯผู้คุมสอบ) เตรียมสมุดคำตอบเปล่านำมามอบให้ประธาน และเลขาฯทั้ง 3 รุ่น เพื่อนำไปให้ผู้เข้ารับการอบรมทั้ง 150 คน เขียนข้อความตามรูปแบบคำตอบซึ่งได้มอบไป 3 – 4 แบบ โดยปรับปรุงให้ข้อความไม่เหมือนกันและส่งให้นายวุฒิชัย
(อ่านประกอบ : ดูเหตุผล ป.ป.ช.ฟันข้อหาหนัก “วงศ์ศักดิ์” คดีโกงสอบ รร.นายอำเภอ)
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2556 จึงมีมติชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 162 (1) (4) แก่นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ กับพวก กรณีทุจริตการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ เมื่อปี 2552 ฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และปลอมแปลงเอกสาร กรณีสั่งการให้มีการเปลี่ยนกระดาษคำตอบผู้สอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ
นอกจากนี้ยังชี้มูลความผิดผู้เข้าสอบอีก 119 คน ทั้งทางวินัยร้ายแรงและอาญา โดยมีข้าราชการกระทรวงมหาดไทย และผู้เข้าสอบบางส่วนถูกกันไว้เป็นพยาน เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องทางวินัย และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการส่งฟ้องทางอาญาต่อไป
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.มติเอกฉันท์! ฟัน “วงศ์ศักดิ์” คดีโกงสอบ รร.นายอำเภอ)
ทั้งหมดนี้คือเสียงสะท้อนจาก “อดีตข้าราชการฯ” ผู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมจากหัวหน้า คสช. หลังเชื่อได้ว่าการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในคดีนี้ น่าเคลือบแคลงและสงสัยประการใด
น่าสนใจว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้า คสช. จะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา “คืนความสุข” ด้วยหรือไม่ ?
แต่อย่างไรก็ดี ใครจะผิดหรือถูกนั้น ก็ต้องว่าในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมต่อไป !
อ่านประกอบ : เปิดหมด 122 รายชื่อ ป.ป.ช.ฟันทุจริตสอบ"นอภ."-ส่งอัยการฟ้องอาญาแล้ว