‘ประยงค์’ ไม่คาดหวังสภาปฏิรูปแก้ปัญหาคนจน
พีมูฟร้อง คสช.ทบทวนนโยบายกระทบคนจน ‘ประยงค์’ ไม่คาดหวังสภาปฏิรูปแก้ปัญหาทรัพยากร-ที่ดิน เตรียมขับเคลื่อนกม. 4 ฉบับหลังได้ รธน.ใหม่
วันที่ 18 สิงหาคม 2557 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ นำโดยนายประยงค์ ดอกลำไย พร้อมชาวบ้านกว่า 20 คน ร่วมแถลงข่าว ‘นโยบายและคำสั่งของ คสช.ที่ส่งผลกระทบต่อคนจน’ ณ ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถ.ราชดำเนินกลาง
นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษาพีมูฟ กล่าวว่า หัวใจสำคัญที่ได้รับจากการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือ ต้องการแก้ปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และผลักดันให้เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจผ่านโครงการขนาดใหญ่ แต่ภายใต้ความปรารถนาดีดังกล่าวกลับทำให้สิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิการชุมนุมที่เปรียบเป็นอาวุธสำคัญของคนจนได้หายไปพร้อมกับรัฐธรรมนูญ (รธน.) ปี 2550
ขณะที่สิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายภาคประชาชน 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินทรัพยากร (โฉนดชุมชน), ร่างพ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน, ร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า และร่างพ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม ต้องรอจนกว่าจะมีรธน.ฉบับใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหนและจะมีช่องทางเปิดกว้างให้เสนอได้อีกหรือไม่ จึงส่งผลกระทบให้สิทธิของคนจนเกิดสุญญากาศ
“เรามีความหวังกับคำว่า ‘ปฏิรูป’ ก่อนเกิดรัฐประหาร แต่เมื่อมี รธน.ฉบับชั่วคราวออกมา ปรากฏว่า 10 ประเด็นสำคัญไม่มีเรื่องการปฏิรูปทรัพยากรและที่ดิน ซึ่งเป็นปัญหาวิกฤตในสังคมไทย แต่ถูกนำไปใส่ไว้ในข้อ ‘อื่น ๆ’ เปรียบเหมือนกระโถน ฉะนั้นเราจึงไม่มีความหวังกับสภาปฏิรูป” ที่ปรึกษาพีมูฟ กล่าว และว่า ขอให้บัญญัติหมวดสิทธิชุมชนไว้ใน รธน.ฉบับถาวรก็พอ ส่วนการปฏิรูปอื่น ๆ นั้นจะรณรงค์ขับเคลื่อนเอง โดยเฉพาะเพื่อให้เกิดสิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย สิทธิชุมชนในการดูแลจัดการฐานทรัพยากร และแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐว่าด้วยการกระจายการถือครองที่ดินและทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
ด้านนายเหมราช สบหนองบัว เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) กล่าวถึงข้อเรียกร้องต่อ คสช.ว่าต้องทบทวนนโยบาย เช่น นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง, การให้สัมปทานสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมและแร่ธาตุ, โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา, โครงการบริหารจัดการน้ำ และคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 64/2557, คำสั่ง คสช.ฉบับที่ 66/2557 ตลอดจนแผนแม่บทการพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติที่ส่งผลกระทบต่อคนจน ให้ยุติการดำเนินการ และจัดกระบวนการให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทาง มาตรการ และแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้ คสช.กำกับหน่วยงานให้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์อย่างเคร่งครัด หากพบฝ่าฝืนต้องสอบสวนเพื่อลงโทษทางแพ่งและอาญา และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำใดที่ฉกฉวยโอกาสบิดเบือนเจตนารมณ์นำไปสู่การเผชิญหน้าและสร้างปัญหาความขัดแย้ง แต่ให้มีกลไกร่วมระหว่างหน่วยงานกับผู้ได้รับผลกระทบแก้ปัญหา พร้อมกันนี้จะต้องสานต่อแนวคิดและข้อตกลงเดิม เช่น การเดินหน้านโยบายโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน บ้านมั่นคง ชุมชนใหม่คนไร้บ้าน แก้ปัญหาเขื่อนปากมูล เป็นต้น
“พีมูฟและเครือข่ายภาคประชาสังคมจะจัดตั้งสภาประชาชน (สภาเงา) ในการจัดทำและติดตามการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คู่ขนาน เพื่อทวงสิทธิขั้นพื้นฐานและเป็นหลักประกันว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรนั้นจะไม่เลวร้ายหรือถดถอยไปกว่าในอดีต” ผู้แทน คปอ. กล่าว
ขณะที่น.ส.ณัฐธยา แท่นมา เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด (คปบ.) กล่าวถึงกรณีนายสมคิด กันตังกุล และนางสุทิศา นิคะ ถูกอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า จ.ตรัง ดำเนินคดีและมีคำสั่งทางปกครองให้รื้อถอนสวนยางพาราและบ้าน ในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนบ้านทับเขือ-ปลักหมู ตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 64/2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และฉบับที่ 66/2557 เรื่อง เพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุก ทำลายทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์
“ขอให้ คสช.ประสานอัยการสูงสุดเพื่อสั่งการไปยังอัยการจังหวัดตรังยุติการดำเนินคดี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสั่งการไปยังอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่าเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัดตรัง ผู้ปกครองท้องถิ่น และองค์กรชุมชนว่าชาวบ้านอยู่มาก่อนคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 66/2557 หากเข้าข่ายจะต้องเพิกถอนคำสั่งและยุติการดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา”
ผู้แทน คปบ. ยังเรียกร้องให้ คสช.จัดประชุมคณะกรรมการประสานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) เพื่อพิจารณาคำขอที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จ และเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้แก่ชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล พีมูฟได้เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เพื่อให้เเก้ปัญหาความเดือดร้อนของคนจน โดยมีนายสมเจตน์ โรจน์พัฒนากุล ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่อง พร้อมรับปากว่าจะมีมาตรการออกมาภายใน 1 สัปดาห์ .