'ประมนต์' หวังสภาปฏิรูปฯ ดันคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ 1 ปีเห็นเป็นรูปธรรม
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ระดมความเห็น เสนอฉันทามติ 7 ข้อ ว่าด้วยการปฏิรูปการต่อต้านคอร์รัปชันฉบับประชาชน หวังสภาปฏิรูปดันเป็นวาระแห่งชาติ เห็นผลเป็นรูปธรรมใน 1 ปี
14 สิงหาคม 2557 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดเสวนาหัวข้อ “ฉันทามติเพื่อการขับเคลื่อนการปฎิรูปการต่อต้านคอร์รัปชัน” ในประเด็น “ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน” เพื่อหาข้อเสนอที่เป็นฉันทามติร่วมกัน (National Consensus) พร้อมนำไปสู่การผลักดันให้เกิดการปฎิบัติจริงต่อไป ณ สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ที่ประชุมมีฉันทามติร่วมกัน 7 ข้อเสนอดังนี้
1.แก้ไขกฎหมายให้ "การคอร์รัปชันเป็นอาชญากรรมร้ายแรง" ต้องลงโทษโดยไม่มีการรอลงอาญาและกำหนดมาตรการสำคัญ เช่น อายุความการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดน การยึดทรัพย์สินคืน การเอาผิดผู้จ่ายสินบนให้มากขึ้น
2.ป้องกันคอร์รัปชันและการแทรกแซงสื่อ ด้วยการออกกฎหมายควบคุมการใช้งบประมาณเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์
3.สร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการตรวจสอบการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐโดยการนำ "ข้อตกลงคุณธรรมนำมาใช้"
4.สร้างความโปร่งใสในภาครัฐ โดยเร่งปรับปรุง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
5.ให้รัฐวิสาหกิจต้องบริหารจัดการโดยยึดมาตรฐานบรรษัทภิบาล เทียบเท่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และห้ามบุคคลในกระบวนการยุติธรรมเป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ
6.รัฐต้องเร่งสร้างวัฒนธรรมการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างชัดเจน และต่อเนื่องในการทุ่มงบประมาณเพื่อการรณรงค์อย่างมียุทธศาสตร์อย่างน้อย 5 ปี
7.จัดตั้งกองทุนส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านคอร์รัปชัน ภาคประชาชน
อย่างไรก็ตาม นายประมนต์ กล่าวด้วยว่าตั้งแต่มีการยึดอำนาจการปกครองวาระของการแก้ปัญหาคอร์รัปชันถูกนำมาพูดว่า ต้องมีการดำเนินการและเป็นวาระเร่งด่วน แต่เมื่อมีการตั้งสภาปฏิรูปใน 11 ข้อที่ออกมานั้นไม่มีความชัดเจนว่าเรื่องคอร์รัปชันจะอยู่ในหมวดใด ดังนั้นเราอยากให้มีความชัดเจนในเรื่องนี้
"อีกเรื่องที่สำคัญเราต้องการให้มีความโปร่งใสของผู้บริหารทั้งสนช. สภาปฏิรูป ครม. รวมทั้งคสช. จะต้องมีความโปร่งใสไม่ต่ำกว่าที่เคยมีมา โดยเห็นว่า การแสดงรายการทรัพย์สินควรจะต้องรีบทำและเปิดเผยต่อสาธารณะชนเพื่อสร้างมาตรฐานความโปร่งใสให้เกิดขึ้น และคาดหวังว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นจะกำหนดให้การป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ และผลักดันให้การปฏิรูปเห็นผลเป็นรูปธรรมใน 1 ปี"
ทั้งนี้ในการประชุมเพื่อร่วมหาฉันทามติ มีนักวิชาการ และเครือข่ายต่างๆเข้าร่วมประชุม อาทิ ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ นายกล้านรงค์ จันทิก รองศาสตราจารย์ ดร.จุรี วิจิตรวาทการ นายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ เป็นต้น