ผู้จัดการสุดสัปดาห์ขึ้นปกดำ งดตีพิมพ์ 1 เดือน ป้องสภาการฯ แต่ไม่ขอโทษ คสช.
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ขึ้นปกดำ ยุติเผยแพร่ 1 เดือน มีเฉพาะออนไลน์ ล่าสุด เผยแพร่บทสัมภาษณ์ "จิตตนาถ ลิ้มทองกุล" กรณีสภาการหนังสือพิมพ์ฯ มีมติสอบจริยธรรมหลังถูก คสช. ร้องเรียน เผย ตัดสินใจระงับการเผยแพร่เพื่อป้องสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ไม่ให้ลำบากใจ แต่จะไม่ยอมขอโทษ คสช.
วันที่ 2 สิงหาคม 2557 เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ เผยแพร่บทสัมภาษณ์ นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสื่อในเครือ ASTVผู้จัดการ ต่อกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในประกาศคำสั่งฉบับที่ 108/2557 เรื่องการตักเตือนสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งฝ่าฝืนข้อห้าม โดย ระบุว่า หนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 251 วันที่ 26 ก.ค. - 1 ส.ค. 2557 ตี พิมพ์ข้อความหลายเรื่องด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. พร้อมทั้งร้องเรียนมายังสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ให้เข้ามาดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ โดยประเด็นที่ คสช.ตั้งข้อกล่าวหามีทั้งหมด 3 ประเด็น คือ 1.กรณีคำพาดหัวข่าว “คสช.พ่อทุกสถาบัน 2.กรณีเรื่อง “น้องตาล” ในคอลัมน์สมการการเมือง และ 3.กรณีการแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
นายจิตตนาถระบุตอนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ดังกล่าวว่า ตามที่ได้มีการชี้แจงไปในจดหมายถึงสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เรื่องปกหนังสือ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ที่บอกว่า “คสช.พ่อทุกสถาบัน” ซึ่ง คสช.อ้างว่าอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด เราก็ขอชี้แจงว่าอันที่จริงแล้วคำว่าพ่อทุกสถาบันนั้นเป็นคำพูดที่คนทั่วไป รู้จักและเข้าใจความหมายกันมานานแล้ว อย่างเช่นอาชีวะที่เขาพ่นสีกันตามกำแพง เราก็เห็นมานาน เป็นวลีที่นิยมใช้กัน ซึ่งไม่เคยมีใครที่จะกล่าวว่าคำนี้พาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง แต่การที่ คสช.ติงมาในตรงนี้ เราก็น้อมรับฟังแล้วกัน เพียงแต่ว่าในสังคมไทย คำเหล่านี้เป็นคำที่ธรรมดามาก คุณต้องดูเนื้อหาของเรื่องข้างในด้วยว่า จากเนื้อหาเราสื่อให้เห็นว่า คสช.มีบทบาทเหนือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีอำนาจเหนือตุลาการ และก็สามารถถอดถอนนายกฯได้ใช่มั้ยครับ ก็จะเห็นว่า นี่คือความหมายของ “คสช.พ่อทุกสถาบัน” ที่เราพูดถึง แสดงถึงการมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งอันนี้ก็คือรายละเอียดที่เราแจง คสช.ไป ส่วนประเด็นเรื่องการตั้ง สนช.ที่บอกว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทน ทุกสื่อเขาก็ออกมาหมดนี่ครับว่า เป็นสภาท็อปบูท เป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่ คสช. ก็ได้รับเลือกเข้ามาบริหารประเทศ
นอกจากนี้ นายจิตตนาถ ระบุถึงกรณีที่ คสช.ติดใจคำว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทน ขณะที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ก็ใช้คำที่มีนัยไม่ต่างกัน เช่น คำว่า “แบ่งเค้ก” ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 ที่พาดหัวข่าวว่า “เหล่าทัพแบ่งเค้กสนช. ประจินเผย “ทอ.”ได้โควตา20 คน รัฐสภาแต่งห้องรอ
บทสัมภาษณ์ดังกล่าว ระบุเนื้อหาส่วนที่ คสช.ระบุว่าเป็นการเสียดสีด้วย โดยนายจิตตนาถกล่าวว่าในฐานะคนทำสื่อ ก็มานั่งตรวจสอบดูข้างใน จากการที่เป็นซีอีโอและทำสื่อมา10 กว่าปี ยังไม่เห็นว่าอะไรที่มันล้ำเส้นกว่าฉบับอื่นๆที่ทำกันตรงไหน
“ฉะนั้นก็เท่ากับว่าสภาการหนังสือพิมพ์เองก็ต้องรับเผือกร้อน เพราะ คสช.ได้ส่งเรื่องกลับมาที่สภาการหนังสือพิมพ์ สภาการหนังสือพิมพ์ก็ต้องส่งเรื่องมายังเอเอสทีวีตามที่เขาระบุ ทางเอเอสทีวีเองก็ได้ชี้แจงกลับไปเพื่อที่จะถาม คสช.ว่า ข้อแถลงของเอเอสทีวี คุณพอใจหรือยัง? ซึ่งเรื่องนี้มันคือขั้นตอนที่จะเกิดขึ้น แต่พอมันเกิดขึ้นหลังจากนั้นหาก คสช.บอกว่าผมไม่รู้ล่ะ อันนี้ยังไงก็ตามผมรู้สึกว่า ไม่พอใจ เพราะฉะนั้นแนวโน้มของสภาการหนังสือพิมพ์ที่จะออกมา อาจจะไม่ได้บอกว่าเราผิดจริยธรรมสื่อ แต่อาจจะบอกว่า มันไประคายเคือง คสช.ซึ่งถามว่า แบบนี้สภาการหนังสือพิมพ์ที่มีภาพลักษณ์ที่ไม่ขึ้นตรงกับอำนาจใด ทว่า ปัจจุบันเมืองไทยอยู่ภายใต้อำนาจของ คสช. ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถกำหนดทุกอย่าง แม้แต่รัฐธรรมนูญ แล้วเขาก็ยังอยู่เหนือทุกอำนาจอยู่ ก็เท่ากับว่าสภาการหนังสือพิมพ์โดนวางกรอบเกี่ยวกับเรื่อง คสช.เข้าแล้ว เพราะฉะนั้นจรรยาบรรณสื่อเราไม่ได้ผิด แต่การที่เราไประเคือง คสช.ต่างหาก ที่สภาการหนังสือพิมพ์เขาอาจจะต้องกล่าวตำหนิเราตามที่ คสช.วางกรอบมาอยู่แล้ว” นายจิตตนาถระบุ
นายจิตตนาถกล่าวด้วยว่า ในที่สุด จึงตัดสินใจง่ายๆ คือ 1) หลังจากฉบับที่ 252 ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์จะหยุดนำเสนอข่าวเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อแสดงสปิริตให้สภาการหนังสือพิมพ์ฯ เห็นว่าเราไม่ต้องการให้สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ต้องลำบากใจ หรือโดนธรรมนูญของ คสช.บังคับใช้ให้เป็นดาบมาไล่ฟันสื่อ 2) เราจะขึ้นปกดำฉบับวันที่ 2-8 สิงหาคม 2557 เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า เราประท้วง คสช. ส่วนเนื้อหาด้านในเราก็จะชี้แจงรายละเอียดต่างๆไปให้สังคมได้เห็นและเข้าใจ อย่างกระจ่างชัด ซึ่งหลังจากนี้สภาการหนังสือพิมพ์ฯ อยากจะพิจารณากรณีของเราอย่างไรก็ทำไป
นายจิตตนาถกล่าวด้วยว่า เราไม่อยากให้สภาการหนังสือพิมพ์ฯต้องมารับแรงกดดัน ยกตัวอย่างกรณีที่คุณจักรกฤษณ์ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ให้ความเห็นส่วนตัวว่ากรณีนี้ถ้า ASTV ขอโทษ คสช.ก็จบ
"แบบบี้ผมก็ถือว่าคุณจักรกฤษณ์ได้รับแรงกดดันจาก คสช. เพราะทางสภาการหนังสือพิมพ์ฯยังมองไม่เห็นเลยว่าเราทำผิดจรรยาบรรณตรงไหน หรือคุณจักรกฤษณ์อาจจะเห็นว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผู้ใหญ่ใน คสช. กับเครือผู้จัดการ เพราะฉะนั้นทางผู้จัดการก็ขอโทษ คสช.ซะก็จบ แต่เราคิดว่าในเมื่อเราชี้แจงข้อเท็จจริงแต่ละข้อที่สภาการฯแจ้งมาครบถ้วน แล้ว และเรามีหลักฐานเปรียบเทียบว่าสื่ออื่นก็นำเสนอข่าวในบริบทเดียวกับเรา ที่สำคัญเราไม่ได้เสนอข่าวที่เป็นเท็จแต่อย่างใด แล้วจะให้เราขอโทษ คสช. เราจะขอโทษได้อย่างไร แต่เมื่อเราตัดสินใจแบบนี้ คุณจักรกฤษณ์ก็จะได้ไม่ต้องหนักใจ สภาการหนังสือพิมพ์ฯ จะได้ไม่ต้องลำบากใจหรือถูกกดดัน” นายจิตตนาถกล่าว
ภาพประกอบจาก : www.manager.co.th
( ข้อมูลจาก : “จิตตนาถ” เปิดใจ ยุติ “ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์” ชั่วคราว ฝากถึงผู้ใหญ่ “อย่ารังแกกันมากเกินไป”)