“ประยุทธ์”ยันไม่มีโควตาสนช. ชี้ทหารพรึบ เหตุสถานการณ์ไม่ปกติ
“พล.อ.ประยุทธ์” ยันไม่มีโควตา สนช. ชี้ทหารพรึ่บเพราะสถานการณ์ไม่ปกติ วอนนักการเมืองลดบทบาท ประเทศชาติต้องมาก่อน ขอความร่วมมือช่วยกันปกป้องสถาบันฯ ประชาชนอย่าใจร้อน ลั่นใครไม่ร่วมปฏิรูปให้คิดซะใหม่
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งผ่านรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เกี่ยวกับความคืบหน้าในการบริหารประเทศของ คสช.
@ยันไม่มีโควตา สนช. ชี้ทหารพรึ่บเพราะสถานการณ์ไม่ปกติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่ในขั้นตอนทั้งสิ้น แม้มีบางพวกบ่นว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ขอให้เข้าใจว่าวันนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เราต้องการทำอย่างไรให้กลไกเดินไปข้างหน้าได้ เราไม่ใช่นักการเมือง เราเป็นทหาร เป็นข้าราชการ และประชาชนส่วนหนึ่งก็หนุนเรา ดังนั้นขอให้ดูก่อนว่าเขาจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ มันไม่มีใครดีที่สุดหรือเลวที่สุด ถ้ามองแต่เรื่องเลว ๆ ก็ไม่ต้องคบกับใคร มันก็จะอยู่กันไม่ได้ ขอให้รอดูผลงานที่จะเกิดขึ้นดีกว่า โดยความร่วมมือของท่าน และการบริหารของเรา สิ่งต่าง ๆ ที่เราจะทำ ประชาธิปไตยที่ผ่านมามันทำไม่ได้ กฎหมายบางอย่างออกไม่ได้ 10 – 20 ปี เพราะมีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องเลิกพวกนี้ให้ได้
“สนช. ที่กำหนด 200 คน ไม่ใช่โควตา ผมไม่อยากให้ใช้คำนี้ เป็นการให้ทุกฝ่ายเสนอชื่อมา ถ้าไม่บอกให้เสนอชื่อ ก็เสนอมาเป็นพันคนสิ ผมถึงบอกว่าให้เสนอมาสัก 10 – 20 คน และก็มาคัดกัน ก็คอยดูแล้วกัน ไมใช่โควตา ผมใช้คำว่าให้เสนอมา แต่ไม่รู้ว่าได้เท่าไหร่ มันจะมีทหารมากหรือน้อย ก็เป็นธรรมดา เพราะเป็นช่วงไม่ปกติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการทำงานระยะที่ 2 เป็นหัวใจสำคัญเรื่องปฏิรูป เพื่อนำไปสู่จุดสุดท้ายคือการมีรัฐบาลถาวร ที่มีจากรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่จะทำ ฉะนั้นถ้าตรงกลางมันเกิดไม่ได้ ตรงปลายก็เกิดไม่ได้ ดังนั้นอย่าตำหนิมากนักเลย รอดูก่อนก็แล้วกัน ถือว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ชั่วคราวไปก่อน ซึ่งถือว่าต่างชาติยอมรับมากขึ้นในการเดินสู่ระยะที่ 2 ตรงนี้ และในส่วนของงานหลักเรื่องปรับปรุงกฎหมายสำคัญ จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะถ้าออกกฎหมายไปเร็ว ๆ บางครั้งการมีส่วนร่วมไม่ครบ สปช. ต้องไปหามา เพื่อจะได้ทำให้เดินหน้าไปข้างหน้า สนช. เพียงปรับปรุงกฎหมายเดิมที่ต้องแก้ไขที่เป็นประโยชน์กับชาติ ส่วนใหม่ ๆ ก็ต้องไปคุยในส่วนปฏิรูป
“แม้จะมี สปช. คัดมา 550 เหลือ 173 และคัดมาส่วนจังหวัด 77 คน รวมทั้งหมด 250 คน ฉะนั้น 250 คน ที่มาทั้งหมด นอกจากมาคุยกันใน สปช. แล้ว แต่ละจังหวัดที่เราเปิดศูนย์ปรองดองทุกจังหวัด ก็เสนอเข้ามาได้ ผ่านตัวแทนของท่านที่เข้ามา ฉะนั้นระหว่างที่เขาประชุม ก็ส่งข้อมูลผ่านคนของท่าน เราเปิดทุกช่องทางอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@วอนนักการเมืองลดบทบาท ประเทศชาติต้องมาก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับประเทศ โดยเฉพาะทั้งนักการเมืองทั้งอดีตและปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าบ้านเมืองมีปัญหา ระบบประชาธิปไตยที่บอกว่าดีก็มีปัญหาอีก ต้องแยกแยะจากกัน เอาตัวเองถอยออกมา มองปัญหาของตัวเองไว้ก่อน และมองปัญหาส่วนรวมไว้ซีกหนึ่ง ประเทศชาติอยู่ด้านซ้าย และเอาวิธีการแก้ปัญหาอยู่ซีกขวา และเราจะเอาซ้ายกับขวามาแก้อย่างไร เมื่อยุติได้แล้ว เอาตัวเราเข้ามา
“ถ้าเอาตัวเรามาแต่ต้น มันก็แก้ไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นเอาตัวท่านออกมาก่อน มาพูดว่าต้องแก้เรื่องนู้นนี้ ทำไมไม่แก้ตอนดำรงตำแหน่ง วันนี้ถึงต้องมี คสช. ไง ก่อนหน้านี้มีประชาธิปไตยทำไมทำไม่ได้ วันนี้ขอร้องอย่าเพิ่งพูด พูดไปก็ไม่มีผลดีอะไรสักอย่าง ท่านต้องมาช่วยผมทำ ไม่ใช่เป็นห่วงเป็นใย ท่านรู้ปัญหาทุกอย่าง เพราะท่านเกี่ยวข้องกับปัญหามาโดยตลอด แต่ท่านแก้ไม่ได้ ฉะนั้นการที่จะทำให้การเมืองของเราก้าวหน้า เราต้องเอาตัวออกมาก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แก้กระบวนการ วิธีการได้ และให้บริการกับประชาชน อย่างนั้นถึงเรียกว่าปฏิรูปสำเร็จ แต่ถ้าทุกคนห่วงว่า มีกฎหมายมากไป แล้วเราจะทำอย่างไร ปกครองอย่างไร เราจะมีผลประโยชน์ได้อย่างไร ถือว่าไม่น่าใช่คนไทย คนไทยต้องเอาประเทศชาติมาก่อน เพราะเราคิดอย่างนั้น เพราะเราเป็นทหารของประชาชน
“หากทุกคนมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีการเลือกตั้ง ถ้าต่อไปวันข้างหน้าไม่มีนโยบายประชานิยมแล้ว พรรคไม่มีคะแนนเสียง ผมว่ามีวิธีการอีกเยอะที่ทำให้ประชาชนเลือกเข้ามา ถ้าทำดีประชาชนเลือกแน่นอน เสนอแนวทางของท่าน ใครก็ต้องเลือก แล้วท่านทำให้ดีแล้วกัน อย่าทำให้เกิดความสับสนขัดแย้งไม่โปร่งใส ใครก็เลือกท่าน อย่ากังวล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ขอความร่วมมือช่วยกันปกป้องสถาบันฯ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวต่อต้านทั้งในและต่างประเทศ คือเรื่องมาตรา 112 ขอให้แยกแยะออกจากกันให้ได้ว่า ประชาชนทั่วไปก็มีกฎหมายปกติ คือกฎหมายหมิ่นประมาท แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่เคารพนับถือ พวกเราต้องดูแล จะทำอย่างไรให้สถาบันฯอยู่ในจุดเหมาะสม และปลอดภัย จากข้ออ้างทำลายกัน ส่วนใครทำความผิดกฎหมาย ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นทำจริง ถ้าทำไม่จริงก็ลงโทษไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกระบวนการมีหลายขั้นตอน อย่างไรก็ตามมีคนคอยละเมิด และนำมาใช้ประโยชน์ในการให้ร้ายซึ่งกันและกัน มันก็พิสูจน์ว่าใครทำจริงหรือไม่ ถ้าไม่เจตนาก็มีข้อยกเว้นให้อยู่แล้ว ขอความร่วมมือกับทุกท่านด้วย
“ต่างชาติอาจไม่เข้าใจสถาบันฯ พระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง ทุกอย่าง อยู่ที่คนที่จะทำให้ท่านเสื่อมเสีย ก็ต้องช่วยระมัดระวัง และเข้าใจด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ประชาชนอย่าใจร้อน ลั่นใครไม่ร่วมปฏิรูปให้คิดซะใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อจบระยะที่ 2 ก็ส่งให้รัฐบาลจากการเลือกตั้ง ใจเย็น ๆ ถ้าท่านใจร้อน ตนก็ใจร้อน เร่งรัดให้เร็วขึ้น มันอันตรายที่จะทำงาน บางอย่างมันต้องแก้ปัญหาใช้เวลามากพอสมควร เพราะบางอย่างเกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว ประเด็นสำคัญคือเราต้องไว้ใจกัน เพราะ คสช. ทำเพื่อประเทศชาติ เราไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไร ทำดีก็แค่เสมอตัว ถ้าไม่ทำอะไรก็ปล่อยให้ประเทศล้มเหลวไป เราก็ปล่อยไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ เป็นชีวิตจิตใจของเรา ก็เหมือนทุกท่าน รักชาติรักแผ่นดินเหมือนกัน เราปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนไม่ได้ ถ้าคิดแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง วันนี้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ บางอย่างปัญหาเก่า บางอย่างปัญหาใหม่ ต้องย้อนดูว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร โดยใครบ้างที่เกี่ยวข้อง มีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าทุกคนคิดว่า คสช. ต้องการใช้อำนาจ ดังนั้น คสช. ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาล เราบริหารแบบระยะแรกก็ดีกว่า ไม่ยุ่งยาก แต่เราทำไม่ได้ เพราะต้องการให้เห็นว่าเราไม่ต้องการอำนาจ คือต้องการให้ปฏิรูปมีภาคส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นใครไม่ร่วมปฏิรูป คิดดูว่า ถึงเวลาเขาทำเสร็จแล้ว แล้ววันหน้าปฏิเสธความรับผิดชอบ ก็ให้คิดซะใหม่
“ส่วนที่ต้องการให้เลือกตั้งเร็วเช่นเดิม ผมก็ไม่เข้าใจว่า ไม่รู้สึกเหรอว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาอันตรายแค่ไหน ทำไมเราต้องกลับไปสู่แบบนั้นอีก เราต้องการจะกลับไปสู่สงครามกลางเมืองแบบต่างประเทศหรือ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว