พล.อ.สมเจตน์:อย่ากลัวทหารเต็มพรึบสนช.! หน้าเขาบางกว่านักการเมือง?
"...การทำงานของคสช.ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศครั้งนี้ มันมีระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด เป็นการทำงานช่วงสั้นๆ การทำงานกับคนที่รู้จักใกล้ชิด สนิทสนมไว้วางใจได้ มันดีกว่าไปทำงานกับคนที่รู้หน้าไม่รู้ใจ ซึ่งรูปแบบการทำงานของทหารก็เป็นแบบนี้.."

พลันที่รายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 200 คน ถูกเปิดเผยออกมาเป็นทางการ ในช่วงค่ำวันที่ 31 ก.ค.57 พร้อมด้วยรายชื่อนายทหารระดับสูงทั้งที่อยู่ในราชการและเกษียณอายุราชการไปแล้ว เป็นจำนวนมากเกิน 100 คน
เชื่อว่าคนในสังคมไทยจำนวนมาก คงมีความรู้สึกว่า "สนช." ชุดนี้ อาจจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของฝ่ายทหาร แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยัง พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม อดีต ส.ว.สรรหา อดีตนายทหารเก่า ที่มากด้วยประสบการณ์ในงานสำคัญต่างๆ อาทิ หัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และอดีตประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เพื่อสอบถามความเห็นส่วนตัว ในฐานะเป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สนช. ครั้งนี้ด้วย
ว่าทำไม สนช. ชุดนี้ จึงอุดมไปด้วย "นายทหาร" จำนวนมาก
"ผมเชื่อว่าการทำงานของสนช.ชุดนี้ มีเป้าหมาย และแนวทางสำคัญในการปฏิรูปบ้านเมืองของเราให้เดินหน้าต่อไป ให้รอดพ้นกงกรรมกงเกวียน แห่งความขัดแย้งและวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา"
"ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมจำนวนนายทหารใน สนช.มีจำนวนมาก นั้น เรื่องนี้อยากจะบอกว่า เมื่อบ้านเรามีวิกฤตความขัดแย้งที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา จนต้องมีการรัฐประหาร ยึดอำนาจ เมื่อทหารเขาออกมาแล้ว เขาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำ เขาก็ต้องใช้ทหารทำงาน มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาก็ต้องรับผิดชอบ"
พลเอก สมเจตน์ ยังระบุต่อไปว่า "ผมเชื่อว่าถ้าทหารมีจำนวนน้อย ก็ถูกตำหนิ มีจำนวนมากก็ถูกตำหนิ เพราะคนเราถ้าจะหาทางตำหนิกันมันทำได้ทุกอย่าง แต่เมื่อบ้านเมืองมันเกิดวิกฤติมันมีปัญหา ทหารออกมารับผิดชอบปัญหาแล้ว เขาก็ต้องใช้ทหารทำงาน"
พลเอก สมเจตน์ ยังระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าจะมีการตำหนิอะไรกันตอนนี้ ขอให้สังคมไปตำหนิ ไปโทษนักการเมืองดีกว่า เพราะถือเป็นกลุ่มบุคคลสำคัญ ที่ทำให้เกิดปัญหา ทำให้เกิดการรัฐประหาร จากการที่ดูแลประเทศชาติไม่ดี ทำให้เกิดการทุจริตโกงกินในบ้านเมืองจำนวนมาก ทำให้ทหารต้องออกมาแบบนี้
เมื่อถามย้ำว่า แต่จำนวนทหารที่เข้ามาเป็น สนช. มีจำนวนมากเกินครึ่ง และบางคนก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ คสช. อย่างชัดเจน พลเอก สมเจตน์ กล่าวแสดงความเห็นว่า "ผมพูดจริงๆ นะ ผมไม่ได้เข้าข้างการทำงานของ คสช. แต่การทำงานของคสช.ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศครั้งนี้ มันมีระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด เป็นการทำงานช่วงสั้นๆ การทำงานกับคนที่รู้จักใกล้ชิด สนิทสนมไว้วางใจได้ มันดีกว่าไปทำงานกับคนที่รู้หน้าไม่รู้ใจ ซึ่งรูปแบบการทำงานของทหารก็เป็นแบบนี้ ต้องทำงานกับคนที่ไว้ใจได้"
"เพราะต้องไม่ลืมว่า ทหารเข้าออกมารับผิดชอบประเทศ อนาคตของประเทศอยู่ในมือเขา ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาสั้น ถ้าจะให้งานการปฏิรูปประเทศ มันเป็นไปตามแนวทางที่เขาวางไว้ เขาก็ทำแบบนี้ "
ส่วนที่มีความกังวลว่าจะเป็นการปูทางสืบทอดอำนาจของทหารในอนาคตหรือไม่ นั้น พลเอก สมเจตน์ ตอบว่า "ผมจะบอกให้รู้ไว้นะครับ ว่า ทหารจริงๆ แล้วเขาหน้าบาง กว่านักการเมืองเยอะ เขารู้ว่าควรทำอะไร อะไรไม่ควรทำ ไม่เหมือนนักการเมือง ที่พอมีอำนาจก็ไม่สนใจเสียงเรียกร้องอะไร ทำอะไรก็เพื่อหวังผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง จนทำให้บ้านเมืองเรามีปัญหาแบบนี้"
พลเอก สมเจตน์ ยังย้ำด้วยว่า "อยากไปกลัวทหารเลย ทหารเขาหน้าบางจริงๆ ยิ่งเขาออกมารับผิดชอบงานสำคัญเกี่ยวกับอนาคตประเทศแบบนี้ เขาก็ต้องยิ่งระวังตัวเป็นพิเศษ ต้องทำอะไรไม่ให้มีปัญหาซ้ำรอยเดิม"
สำหรับการเข้ามารับตำแหน่ง สนช. ของตนเอง นั้น พลเอก สมเจตน์ ยืนยันว่า ไม่เคยถูกใครทาบทามมาก่อน เพิ่งรู้ว่าได้เป็นจากข่าวโทรทัศน์ในช่วงค่ำวันที่ 31 ก.ค.57 ที่ผ่านมาเหมือนกัน
"ถามว่าตอนนี้ผมรู้สึกอะไร ผมคงตอบว่าไม่รู้สึกอะไร เกี่ยวกับตำแหน่งนี้ แต่ก็ขอขอบคุณ คสช.ที่ไว้วางใจและมอบหมายภารกิจให้ทำงานนี้"
ส่วนสิ่งที่อยากจะบอกประชาชน ในฐานะเป็น สนช.คนหนึ่งนั้น พลเอก สมเจตน์ ระบุว่า "ผมขอเรียนว่า ประเทศชาติของเราที่ผ่านมา มันวิกฤตมาพอสมควรแล้ว ในช่วง 2 เดือนที่ คสช.เข้ามาทำงาน อาจจะมีอะไรถูกใจไม่ถูกใจประชาชนบ้าง แต่โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่า ตอนนี้ประชาชนมีความสุขมากกว่าเดิม"
"ตอนนี้ก็อยากจะขอประชาชนให้เวลา คสช. รวมถึง สนช. ได้ทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต่อไป โดยเฉพาะการร่วมกันปฏิรูปประเทศให้ผ่านพ้นวังวนของปัญหา รวมถึงการหาทางสกัดกั้นนักการเมืองที่ไม่หวังดี จ้องแต่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ให้หมดไปจากประเทศ"
ทั้งหมดนี่ คือ ความในใจของ พลเอก สมเจตน์ หนึ่งในอดีตนายทหาร ที่เพิ่งได้รับมอบหมายภารกิจให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ สนช. ชุดใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศในขณะนี้
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก tnews.co.th
