สั่งเผยแพร่หนังสือไต่สวน"เสี่ยเปี๋ยง” พ่วงเอกชน 6 ราย คดีทุจริตจำนำข้าว
ป.ป.ช. สั่งปิดประกาศหนังสือคำสั่งไต่สวน "เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร พร้อมตัวแทนเอกชน 6 ราย ร่วมขบวนการคดีทุจริตจำนำข้าว หลังไม่สามารถนำส่งเอกสารให้ได้ เผยสำนวนสอบระบุว่าแหล่งเงินซื้อข้าวจากต่างประเทศ สั่งจ่ายโดยแคชเชียร์เช็ค "สมคิด เอื้อนสุภา"คนสยามอินดิก้า หลักฐานมัดจีทูจี "เก๊"
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าว ในส่วนกลุ่มบริษัทเอกชนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการขั้นตอนการระบายข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมจำนวน 91 ราย นอกเหนือจากผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 6 ราย ที่มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้ คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายสมคิด เอื้อนสุภา และนายลิตร พอใจ ตัวแทนบริษัทเอกชน
ล่าสุด สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุไต่สวนคดีนี้ ให้ผู้ถูกกล่าวหากลุ่มเอกชนได้รับทราบแล้ว แต่มีผู้ถูกกล่าวหาบางส่วนไม่สามารถนำส่งหนังสือให้ได้ ประกอบไปด้วย
1.นายสุมนต์ เสรีธรณกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พี.เอส.ซี.สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด
2. น.ส.อัมพรศรี ตันติสถาพร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทแคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด
3.นายสุชาติ เศรษฐีวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทไทยฟ้า จำกัด
4.นายโอฬาร มานะธัญญา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทเจียเม้ง
5. นางสาวสุธิดา จันทะเอ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด
6. นางสาวอารยา กำปั่นแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พี.เอส.ซี.สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด
และ 7.นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง”
เบื้องต้น ป.ป.ช. จึงได้นำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุไต่สวนของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 ราย มาเปิดประกาศไว้ที่ สำนักงาน ป.ป.ช. โดยเปิดเผย ตามระเบียบป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงานว่า จากการตรวจสอบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุไต่สวน ป.ป.ช. ที่นำมาเปิดประกาศไว้ พบว่า มีการระบุเนื้อหาสำคัญข้อมูลการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวไว้ชัดเจนว่า รัฐบาล โดยนายบุญทรง รมว.พาณิชย์ กล่าวอ้างว่า ได้ดำเนินการะบายข้าวในลักษณะรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี จำนวน 7.32 ล้านตัน ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 1.46 ล้านตัน และได้รับเงินเป็นจำนวน 42,000 ล้านบาท แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฎว่าการระบายข้าว ไม่ได้เป็นแบบรัฐต่อรัฐแต่อย่างใด
เนื่องจากหากเป็นการระบายข้าวแบบจีทูจีจริง การชำระค่าข้าวจะต้องเป็นการชำระค่าสินค้าผ่านธนาคาร หรือ Letter of Credit (L/C) ไปยังกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า เงินชำระค่าข้าวที่ให้แก่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 385-0-09504-5 นั้น ได้มาจากแคชเชียร์เช็ค ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นแคชเชียร์เช็คที่ซื้อมาโดยนายสมคิด เอื้อนสุภา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ทั้งที่บริษัทดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลต่างประเทศแต่อย่างใด อันเป็นการหลีกเลี่ยงการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นธรรมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังระบุด้วยว่า โครงการรับจำนำข้าว เนื้อแท้แล้ว คือโครงการซื้อขายข้าว เพราะเป็นการรับจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าตลาด อันเป็นการกระทำที่บิดเบือนระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด
(ดูหนังสือคำสั่ง ป.ป.ช.ฉบับเต็ม)