ถอดรหัสประกาศ คสช.รื้อกฎตั้ง ผบ.ตร. นับอาวุโสใหม่สกัดนักวิ่ง
คสช.รื้อโครงสร้าง ก.ต.ช.-กฎหมายตำรวจ วางกฎตั้ง ผบ.ตร.ใหม่ ส่งปลัดกลาโหมร่วมโหวต แคนดิเดตมีเฉพาะรองผบ.ตร.ตำแหน่งหลักและจเรตำรวจแห่งชาติ ไม่นับ "ที่ปรึกษา (สบ10)" พร้อมวางหลักเกณฑ์นับอาวุโส สกัดตำรวจนักวิ่ง โละทิ้ง ก.ต.ช.-ก.ตร.ชุดปัจจุบัน
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศ 3 ฉบับ คือ ฉบับที่ 87, 88 และ 89 / 2557 แก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวกับตำรวจบางฉบับ และแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ในส่วนที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูง และการจัดลำดับอาวุโส
ทั้งนี้ ประกาศฉบับที่ 87 ระบุให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายและมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ในบางเรื่องได้ ซึ่งตามกฎหมายเดิมไม่ได้กำหนดให้เป็นอำนาจของนายกฯ
ส่วนประกาศฉบับที่ 88 เป็นเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ (พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547) โดยมีสาระสำคัญ คือ
1.รื้อโครงสร้างของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ซึ่งมีอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยเพิ่มตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเข้าไปเป็นกรรมการ ก.ต.ช. จากเดิมที่ไม่มีปลัดกระทรวงกลาโหม และตัดตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกไป
2.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ต.ช.จากเดิม 4 คน ให้เหลือ 2 คน และให้ผ่านการคัดเลือกจากวุฒิสภา
3.ให้ ก.ต.ช.พิจารณาดำเนินการคัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ตามที่ ผบ.ตร.(คนปัจจุบัน) เสนอ
4.แก้ไขมาตรา 53 (1) ว่าด้วยการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ให้ ผบ.ตร.เป็นผู้คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร. แล้วเสนอ ก.ต.ช.พิจารณาให้ความเห็นชอบเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ จากนั้นให้นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อขึ้นกราบบังคับทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
ทั้งนี้ แต่เดิม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เลือกข้าราชการตำรวจยศ "พลตำรวจเอก" คนใดก็ได้ (รองผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ปรึกษา (สบ10) และตำแหน่งอื่นๆ หรือตำแหน่งเฉพาะตัวเทียบเท่ารองผบ.ตร.) ฉะนั้นตามประกาศ คสช.ที่แก้ไขใหม่ ผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับเลือกเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ จึงเหลือเพียง รอง.ผบ.ตร. กับจเรตำรวจแห่งชาติเท่านั้น
5.รื้อโครงสร้างคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายในแต่ละกองบัญชาการใหม่ และให้ ก.ต.ช.กับ ก.ตร.ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ พ้นจากตำแหน่ง
รื้อเกณฑ์นับอาวุโสสกัดวิ่งเต้น
สำหรับประกาศ คสช.ฉบับที่ 89 เป็นเรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ โดยได้มีการวางหลักเกณฑ์การนับอาวุโสใหม่ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมและคำนึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคล
หลักเกณฑ์ใหม่มีดังนี้
1.ผู้มียศสูงกว่า (ไม่รวมถึงยศที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษ) เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
2.ยศเท่ากัน ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับนั้นนานกว่า เป็นผู้มีอาวุโสสูงกว่า
3.ถ้าข้อ 2 เท่ากัน ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับถัดลงไปนานกว่าตามลำดับจนถึงตำแหน่งระดับรองสารวัตร เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
4.ถ้าดำรงตำแหน่งลำดับถัดลงไปนานเท่ากัน ให้ผู้มีระยะเวลาดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรนานกว่า เป็นผู้มีอาวุโสสูงกว่า
และ 5.ถ้าระยะเวลาการดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรเท่ากัน ให้ผู้ที่มีอายุมากกว่าเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
ทั้งนี้ แต่เดิมสำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดหลักเกณฑ์การนับอาวุโส ด้วยการพิจารณาว่าข้าราชการตำรวจคนใดขึ้นดำรงตำแหน่งในระดับใดก่อน ให้ถือว่ามีอาวุโสสูงกว่าในตำแหน่งระดับนั้น เหตุนี้ทำให้เกิดการวิ่งเต้นกับฝ่ายการเมือง เพื่อให้มีการแต่งตั้งนอกฤดู หรือแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษนอกวาระประจำปี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการนับอาวุโส
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต