'กิตติพงษ์' เชื่อเปิดพื้นที่กลไกแบบมีส่วนร่วมสร้างปชต.ทางตรงได้
สสส.ร่วมภาคีเครือข่าย เดินหน้าสร้างพื้นที่สื่อสารปฏิรูปปรองดองในงาน "ต่างใจไทยเดียว" ด้านดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ เชื่อกลไกสร้างการมีส่วนร่วมจะช่วยลดความหวาดระแวงและสร้างความมั่นใจในการสร้างประชาธิปไตยแบบทางตรง
14 กรกฎาคม 2557 ณ ลานชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สำนักงานสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันและมูลนิธิเพื่อคนไทยและภาคีเครือข่ายกว่า 10 องค์กร ร่วมกันจัดงาน “ต่างใจไทยเดียว” ซึ่งมีคำขวัญ “มองทะลุความต่าง ให้เห็นทางอยู่ร่วมกัน” สะท้อนถึงเป้าหมายของงานที่เน้นสร้างการมีส่วนร่วม ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้า
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวในหัวข้อ “ต่างใจไทยเดียว : พื้นที่สื่อสารงานปฏิรูปและปรองดอง”ว่า ยุทธศาสตร์ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ นับจากนี้จะทำงานเชิงรุกมากขึ้น เน้นสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อนำไปสู่การกำหนดข้อเสนอร่วมในระดับประเทศ หรือ National Consensus เกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปการป้องกันปราบปรามคอร์รัปชันที่ผ่านมาความคิดหรือข้อเสนอของคนที่สนใจเรื่องการต่อ ต้านการคอร์รัปชันมีจำนวนมากแต่กระจัดกระจาย และเป็นข้อเสนอที่เป็นปรากฏการณ์ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ หรือแก้อย่างเป็นระบบ ข้อเสนอที่ไม่มียุทธศาสตร์แบบนี้จะทำให้ประเด็นแตกและทำงานยาก
นายประมนต์ กล่าวอีกว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เตรียมจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการกับภาคีภาคส่วนต่างๆ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายนักวิชาการจากสถาบันต่างๆ หรือเครือข่ายที่ทำงานด้านปฏิรูป รวมทั้งเครือข่ายภาคพลเมืองอื่นๆ โดยองค์กรฯจะวางตัวเป็นแกนกลาง สร้างการมีส่วนร่วม เปิดเวทีให้ผู้นำแต่ละเครือข่ายมาพูดคุย เพื่อให้คนเหล่านี้เป็นเจ้าของประเด็น จะได้ขับเคลื่อนแก้ปัญหาในประเด็นเหล่านั้นด้วยตัวเอง
ด้าน ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สมาชิกเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป กล่าวว่า จุดยืนของเครือข่ายฯในกระบวนการปฏิรูปเป็นองค์กรคู่ขนานของสภาปฏิรูป ดังนั้น กลไกการสร้างพื้นที่การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ล่าสุดได้จัดเวทีร่วมกับภาคีข้ามเครือข่ายเพื่อประมวลโจทย์และแนวทางปฏิรูป ฉบับประชาชนขึ้นมาเป็นแผนที่ขับเคลื่อนงานปฏิรูปที่ลงมือทำได้ทันทีและนำ เสนอต่อสภาปฏิรูปไปพร้อมกัน ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่ง แต่ละภาคีตื่นตัวอาสาเป็นเจ้าภาพในหัวข้อปฏิรูปประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิรูปการต่อต้านคอร์รัปชัน การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา หรือสิ่งแวดล้อม
“กลไกการสร้างการมีส่วนร่วมแบบนี้จะนำมาสู่การสร้างความ ไว้วางใจ ความเชื่อมั่น ลดความระแวงข้อสงสัยและนำไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมแบบทางตรงได้อย่างกว้างขวางในระยะยาว ความพยายามในการปฏิรูปที่กำลังเกิดขึ้นในลักษณะนี้จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองในสังคม เชื่อว่าความปรองดองไม่สามารถเกิดขึ้นได้บนความหวาดกลัว ที่สำคัญ กระบวนการมีส่วนร่วมแบบนี้ ยังถือได้ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่คนซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวกันสามารถทำงานร่วมกันได้”
ขณะที่นายวิเชียร พงศธร ประธานมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า ภารกิจการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ การปฏิรูป ตลอดจนการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเป็นภารกิจขนาดใหญ่ของประเทศไทย ทุกเรื่องมีผลกระทบต่อประชาชนทุกคน การแก้ไขปัญหาจึงไม่ใช่งานของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือคนไทยทุกฝ่าย สอดรับกับภารกิจของมูลนิธิเพื่อคนไทยที่มุ่งเน้นสร้างพื้นที่ สร้างเวทีและกลไกให้เกิดการมีส่วนร่วม ทั้งระหว่างเครือข่ายด้วยกันเอง และระหว่างเครือข่ายไปยังประชาชน ดังการเกิดขึ้นของงานต่างใจไทยเดียว รวมทั้งอีกหลายโครงการในอนาคต
ประธานมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวด้วยว่า งานนี้จะเป็นโครงการนำร่องที่ภาคีเครือข่ายต่างๆ สามารถอัพเดทข้อเท็จจริงเรื่องงานปฏิรูป ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ จากการพบปะไปออกแบบกลไกขับเคลื่อนงานปฏิรูปของตัวเองทั้งในเชิงพื้นที่และใน เชิงประเด็น พร้อมลงมือปฏิบัติจริง เมื่อได้ทดลองทำร่วมกัน แก้ปัญหาร่วมกัน กระบวนการเหล่านี้ย่อมนำไปสู่การปรองดองโดยปริยาย ในต่างประเทศมีเครื่องมือที่เรียกว่า กระบวนการ Social Lab สามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการพูดคุยระหว่างคนที่มีความเห็นแตกต่างและนำ ไปสู่การทำงานร่วมกันได้ และยังเกิดเครือข่ายพลเมืองที่มีส่วนร่วมเพื่อส่วนรวม หรือ Active Citizenship ขยายผลสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน