เปิดใจภรรยา"รองผู้กำกับฯอดินันท์" กับปริศนาฆ่าหมู่สามตำรวจกรงปินัง
เหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถของ พ.ต.ท.อดินันท์ อิสมาแอล รองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันและปราบปราม (รองผกก.ป.) สภ.กรงปินัง จ.ยะลา เสียชีวิตพร้อมลูกน้องถึง 3 นาย เมื่อกลางดึกของวันพฤหัสบดีที่ 10 ก.ค.57 ยังคงเป็นปริศนา
แน่นอนว่าคำถามสำคัญที่ต้องคลี่คลาย คือ คนร้ายเป็นใคร ฆ่าตำรวจคราวเดียวพร้อมกันถึง 3 ศพได้อย่างไร และมีอะไรเป็นสาเหตุ
ปมสงสัยที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์กันก็คือ
1.มีโต๊ะอิหม่ามที่นั่งอยู่ในรถขณะเกิดเหตุด้วยรอดชีวิต 1 คน คือ นายอับดุลเลาะ จะปะกียา เพราะก่อนเกิดเหตุ พ.ต.อ.อดินันท์ พร้อมลูกน้อง ได้ไปร่วมกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ช่วงเดือนรอมฎอน แล้วถูกดักโจมตีระหว่างทางขากลับ ในท้องที่บ้านราดู หมู่ 1 ต.ปุโรง อ.กรงปินัง
ผู้รอดชีวิตรายนี้น่าจะเป็นกุญแจที่ไขความจริงได้บางประการ...
2.จากการเข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบปลอกกระสุนปืนสงคราม ขนาด 5.56 มิลลิเมตร มากถึง 221 ปลอก ยิงจากปืนเอชเค 33 จำนวน 4 กระบอก และเอ็ม 16 จำนวน 7 กระบอก นอกจากนั้นยังมีปลอกกระสุนอีก 155 ปลอกที่รอการพิสูจน์ รวมแล้วคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเกือบ 400 นัด
ใครกันที่มีกองกำลังพร้อมอาวุธครบมือและมีกระสุนให้ยิงไม่อั้นขนาดนี้...
3.ผลการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบว่าฝ่ายตำรวจยิงตอบโต้คนร้ายไปด้วย และพบรอยเลือดที่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นของคนร้าย หรือของโต๊ะอิหม่ามที่รอดชีวิต แต่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนั้น ยังพบว่าปืนพกประจำกายยี่ห้อบาเร็ตต้าของ ร.ต.ท.ดนุพล อาแซ รองสารวัตรปราบปราม (รอง สวป.) สภ.กรงปินัง หนึ่งในตำรวจที่เสียชีวิต สูญหายไป จึงค่อนข้างแน่ชัดว่าคนร้ายไม่ได้หลบหนีไปทันทีหลังยิงปะทะ แต่เข้าไปที่รถของ พ.ต.ท.อดินันท์ด้วยเพื่อชิงปืน ก่อนจะหลบหนี...
4.ตำรวจที่เสียชีวิตทั้งหมดเป็นมุสลิม โดยเฉพาะ พ.ต.ท.อดินันท์ ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่
จนท.สงสัย "อาบะ-ฮูไบดิละห์"
หลังเกิดเหตุมีรายงานข่าวจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ว่า ให้น้ำหนักการก่อเหตุสังหารตำรวจครั้งนี้ไปที่การกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.กรงปินัง และอำเภอรอยต่อ
กลุ่มที่ถูกพูดถึงคือ กลุ่มของ นายอาบะ เจ๊ะอาลี ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.กรงปินัง กับกลุ่มของ นายฮูไบดีละห์ รอมือลี ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ยะหา และใกล้เคียง ซึ่งตามสภาพภูมิศาสตร์แล้ว อ.บันนังสตา ยะหา และกรงปินัง เป็นเขตติดต่อกัน
แห่ให้กำลังใจครอบครัวรองผู้กำกับฯ
ดังที่ระบุไว้แล้วว่า ตำรวจที่เสียชีวิตทั้งหมดเป็นมุสลิม ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์มากเป็นพิเศษจากประชาชนในพื้นที่
ก่อนพิธีฝังศพของตำรวจทั้ง 3 นาย มีการประกอบพิธีละหมาดที่ศูนย์มัรกัสยะลา อ.เมืองยะลา (สถานที่ประกอบศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม) ก่อนเคลื่อนศพไปประกอบพิธีฝังตามหลักศาสนาที่กุโบร์ (สุสาน) บ้านเกิดของแต่ละคน
ศพของ พ.ต.ท.อดินันท์ ครอบครัวและญาติๆ นำไปฝังที่กุโบร์บ้านเจาะบองอ หมู่ 5 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ร.ต.ท.ดนุพล อาแซ รอง สวป.สภ.กรงปินัง ญาตินำศพไปฝังที่กุโบร์ ต.ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ขณะที่ ส.ต.ต.ฮามะ สะระโต พลขับที่ต้องจบชีวิตลงในเหตุการณ์เดียวกัน ญาตินำศพไปฝังที่กุโบร์บ้านฆอลี ต.เนินงาม อ.รามัน จ.ยะลา
บรรยากาศที่บ้านของ พ.ต.ท.อดินันท์ ในวันที่มีพิธีศพ ปรากฏว่ามีประชาชน เพื่อนฝูง ญาติมิตรไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวของเขาอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะกลุ่มดะวะห์ (เผยแผ่ศาสนา) ที่ พ.ต.ท.อดินันท์ เคยร่วมเดินทางเผยแผ่ศาสนาด้วยกัน โดยแต่ละคนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ประณามว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ที่เดินทางกลับจากพิธีละหมาดที่มัสยิดในเดือนรอมฎอน
สำหรับ พ.ต.ท.อดินันท์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 41 รับราชการครั้งแรกที่ สภ.รามัน จ.ยะลา หลังจากนั้นก็โยกย้ายไปหลายท้องที่ใน จ.ยะลา และสงขลา โดยก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.อดินันท์ เคยได้รับแต่งตั้งให้ครองยศ พ.ต.อ. แต่เพียง 1 วันหลังจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว จึงต้องกลับมาเป็น พ.ต.ท.เช่นเดิม
ภรรยาทำใจ "อยู่พื้นที่นี้ไม่ปลอดภัย"
ซูรัยนี อิสมาแอล ภรรยาของ พ.ต.ท.อดินันท์ เปิดใจกับ “ทีมข่าวอิศรา” ถึงความรักความผูกพันที่เธอมีกับสามีที่เธอเรียก “แบนันท์” ว่า เธอมีลูกกับแบนันท์ 3 คน คือ ไฟซอล อิสมาแอล อายุ 19 ปี เรียนฮาฟีซ (ท่องอัลกุรอาน) ที่ลำใหม่ จ.ยะลา คนที่สอง อิรฟาน อิสมาแอล อายุ 15 ปี เรียนฮาฟีซที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และคนที่สามเป็นผู้หญิง ชื่อ ด.ญ.ตัสนิม อิสมาแอล อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ใน อ.เมืองยะลา
ซูรัยนี บอกว่า เธอเป็นหนึ่งในภรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเข้าใจอยู่แล้วว่าการทำงานย่อมไม่มีความปลอดภัย และเป็นห่วงสามีมาตลอด
"ที่ผ่านมาแบนันท์จะพูดเสมอว่า ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว ขอแค่เราทำสิ่งดีๆ ทำดีให้ถึงที่สุดกับตัวเองแล้วเราจะมีคุณค่า ถ้าเขาต้องตายก็ขอตายโดยอย่าให้ใครเดือดร้อน เขาจะคิดแบบนี้ตลอด เพราะแบนันท์เขาจะใช้หลักการศาสนาทั้งในการปฏิบัติหน้าที่และกับครอบครัว หลายครั้งที่แบนันท์ย้ายไปทำหน้าที่ในพื้นที่อื่น แต่ทุกท้องที่ที่ไปก็มีแต่คนรักเขา แบนันท์แก้ปัญหายาเสพติดโดยการส่งผู้ติดยาไปดะวะห์ ทำให้ชาวบ้านพอใจ"
กับความรุนแรงของสถานการณ์ในพื้นที่ ซูรัยนี บอกว่า รู้สึกกลัว และระวังตัวตลอด แต่ก็ไม่ถึงขนาดระแวง เพราะถือว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว
"การเป็นเจ้าหน้าที่เสี่ยงจะตกเป็นเป้าตลอดเวลา แต่พอเราใช้หลักการนี้ (ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว) ก็ทำให้เราทำใจยอมรับสภาพที่อาจเกิดขึ้น แม้ความสูญเสียนั้นแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด"
"ตอนนี้เราไม่มีเขาแล้ว ก็ต้องสานต่อในสิ่งที่เขาอยากทำ นั่นคือส่งลูกทั้ง 3 คนเรียนฮาฟีซให้จบ ลูกสาวก็จะให้เรียนฮาฟีเซาะ จากนั้นถ้าลูกจะไปเรียนต่างประเทศก็จะส่งไป เรียนจบกลับมาถ้าอยากเปิดปอเนาะก็เปิด ถ้าเปิดไม่ได้ก็ไปสอนตามปอเนาะหรือโรงเรียนที่เขาเปิดสอน ซึ่งก็มีเยอะแยะไป"
"ตอนยังมีชีวิตอยู่ แบนันท์บอกว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้ลูกอยู่ในทางศาสนา เพราะการงานที่ดี ได้ค่าตอบแทนสูงๆ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ทางเดียวที่จะรอดคืออยู่ตามกรอบของศาสนา แนวคิดนี้ของแบนันท์ ฉันเองก็เห็นด้วย"
ซูรัยนี กล่าวฝากไปถึงคนร้ายที่ทำร้ายสามีของเธอว่า คนที่ทำไม่ใช่คนดีแน่นอน เพราะคนดีไม่ทำกันแบบนี้ ขอให้กลับใจในทางที่ดี ส่วนภรรยาของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ อยากบอกว่าเราต้องระวังให้เยอะๆ แต่ก็อย่าระแวง เพราะความสูญเสียย่อมเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิงและเด็ก
เคยพูดก่อนตาย "ชาวบ้านไม่ทำแน่"
การใช้ศาสนาเข้าไปแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ ด้วยการชักชวนเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือใช้ยา ออกดะวะห์ไปตามสถานที่ต่างๆ นั้น ทำให้ พ.ต.ท.อดินันท์ เป็นที่ชื่นชอบชื่นชมของประชาชนในพื้นที่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคิดว่าเขาจะถูกปองร้าย ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไปหรือกลุ่มขบวนการที่มีอุดมการณ์เคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน
ญาติๆ และเพื่อนบ้านของรองผู้กำกับฯอดินันท์ กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ชาวบ้านที่นี่รัก พ.ต.ท.อดินันท์ ทุกคน เพราะเป็นคนง่ายๆสบายๆ ชาวบ้านเข้าถึงง่าย
"นันท์เคยพูดให้ฟังว่า ชาวบ้านไม่ทำเขาแน่ ถ้าเขาตายคงเป็นเพราะคนอื่น พวกอื่นมากกว่า นันท์ไม่เคยระแวงชาวบ้านเลย ที่ผ่านมาทุกคนที่ไปหาเขาจะได้รับคำตอบที่สบายใจกลับไปเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือหรือแนะนำแนวทางแก้ปัญหา นันท์ใช้หลักศาสนาแก้ปัญหาทุกอย่าง ทำให้นันท์ยืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องตลอด"
กรงปินัง...อีกหนึ่งแดนสนธยา?
อ.กรงปินัง จ.ยะลา เป็นอีกอำเภอหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหายาเสพติดระบาด และมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มอิทธิพลทั้งที่สวมเครื่องแบบและไม่สวมเครื่องแบบ
เหตุรุนแรงหลายเหตุการณ์ในอดีตถูกมองอย่างกังขาจากชาวบ้าน ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน หรือเป็นฝีมือของกลุ่มอิทธิพลที่มีผลประโยชน์ในพื้นที่กันแน่ หรือว่าทั้งสองกลุ่มเอื้อประโยชน์กัน?
เหล่านี้กลายเป็นคำถามมาตลอด ดังเช่น เหตุการณ์สังหารหมู่ 4 ศพพ่อค้ารับซื้อผลไม้พร้อมคนงานจาก จ.ระยอง ในเพิงพักริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ใกล้กับตลาดกรงปินัง เมื่อวันที่ 5 ก.พ.56 แม้เจ้าหน้าที่จะสรุปสาเหตุว่ามาจากการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการขัดขวางการค้าขายของคนจากนอกพื้นที่ แต่ถามสอบถามความเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
และเหตุยิงถล่มรถ พ.ต.ท.อดินันท์ ก็เช่นเดียวกัน...
พูดเรื่องยาเสพติดอันตรายกว่าแยกดินแดน
ชาวบ้านกรงปินังรายหนึ่ง อายุ 46 ปี กล่าวว่า ชาวบ้านที่นี่ต้องอยู่ให้เป็น ถ้าคุยกันเรื่องอื่นพอคุยได้ แต่เรื่องยาเสพติดพูดแล้วจะเจ็บตัวยิ่งกว่าพูดเรื่องอุดมการณ์ของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนเสียอีก
"อำนาจอยู่ในมือพวกนี้ มีปัญหากับพวกเขาหน่อยเป็นต้องเดือดร้อน ที่นี่มีคนในเครื่องแบบและกลุ่มอิทธิพล ชาวบ้านจะกล้าอะไรอีก อย่างมากก็ปิดปากเงียบ โชคดีหน่อยที่มีแบนันท์"
คำเรียกขาน พ.ต.ท.อดินันท์ ว่า "แบนันท์" เป็นเครื่องยืนยันว่ารองผู้กำกับฯรายนี้ "ติดดิน" และเข้ากับชาวบ้านได้ดีขนาดไหน
หนุ่มใหญ่วัย 46 ปีเล่าต่ออีกว่า หลังจากชาวบ้านที่นี่รู้จักแบนันท์เมื่อหลายปีก่อน แบนันท์ก็ทำให้ลูกหลานของชาวบ้านในกรงปินังหลายคนสามารถเลิกยาเสพติดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เลิกยาได้จะได้อิสรภาพ เพราะแบนันท์จะให้ออกไปใช้ชีวิตที่อื่น หรือไม่ก็ออกดะวะห์ เพื่อให้ห่างไกลจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ไม่กลับมาติดยาเสพติดอีก
"แบนันท์จะไม่ใช้กฎหมายในการปราบยาเสพติด แต่แบนันท์จะใช้หลักดะวะห์ โดยการพูดคุยทำความเข้าใจ แล้วสุดท้ายก็จะส่งไปดะวะห์ แบนันท์จะไม่ส่งเข้าคุก แบนันท์เคยพูดว่าเข้าคุกออกมาก็ติดอีก แต่ถ้าพาไปดะวะห์โดยเอาศาสนามาล้างและบำบัด อย่างน้อยก็ทำให้เด็กคิดได้ และจะไม่ไปยุ่งกับยาเสพติดอีกเลย พอเด็กๆ ไม่คิดหันไปใช้ยา พ่อแม่ก็ดีใจ เพราะเหตุนี้ทำให้คนกรงปินังรักและเคารพแบนันท์"
ชาวบ้านรายนี้บอกอีกว่า ทุกคนมั่นใจว่าคนร้ายที่ก่อเหตุสังหาร พ.ต.ท.อดินันท์ ไม่ใช่คนกรงปินัง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ชาวบ้านจะตอบแทนสิ่งดีๆ ที่นายตำรวจผู้นี้ทำกับพื้นที่ด้วยวิธีการเช่นนี้
"เราแค่ไม่อยากให้คนดีๆ อย่างแบนันท์ต้องมาตายฟรี อยากให้การตายของแบนันท์ครั้งนี้สังคมควรจะได้รับรู้ถึงความดีที่เขาทำ อยากให้สังคมแยกแยะ มองปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ว่ามีหลายปัจจัย หลายครั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะชาวบ้านไปขัดผลประโยชน์ของคนคุมพื้นที่ และหลายครั้งคนคุมพื้นที่จะก่อเหตุเพื่อโยนบาปให้ขบวนการ เช่น เหตุยิงพ่อค้าขายผลไม้ 4 ศพเมื่อปีก่อน ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดจากการขัดผลประโยชน์ แล้วก็ก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่บ้าง บางทีก็เป็นเจ้าหน้าที่ด้วยกัน แล้วโยนบาปให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนก็มี"
นี่คืออีกหนึ่งความซับซ้อนของปัญหาชายแดนใต้ที่รัฐยังไม่เคยมีคำตอบว่าคลี่คลายได้อย่างไร!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 เจ้าหน้าที่เข้าเก็บหลักฐานบริเวณจุดเกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มรถของ พ.ต.ท.อดินันท์ อิสมาแอล
2 บ้านของ พ.ต.ท.อดินันท์
3 ประชาชนจำนวนมากไปร่วมพิธีศพรองผู้กำกับฯกรงปินัง
อ่านประกอบ :
1 รัวกระสุนถล่มรถรองผู้กำกับฯกรงปินัง ดับพร้อมลูกน้องรวม 3 ศพ
http://www.isranews.org/south-news/other-news/item/31168-three_31168.html
2 รวบผู้ต้องหาบอมบ์หาดใหญ่ - ฆ่า4ศพพ่อค้าผลไม้ รัฐชี้จ้องขวางประกอบอาชีพ
http://bit.ly/1kQL3YS