นายกสมาคมสถาปนิกผังเมือง ดันบางกะเจ้าเป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษสวล.
นายกสมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย หนุนชาวบ้านบางกะเจ้า เสนอคสช.ใช้มติครม.เดิมดันเป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษสิ่งแวดล้อม หวังเป็นโมเดลแก้วิกฤติผังเมืองทั่วประเทศ
ในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมากลุ่มสมาคมสถาปนิกผังเมืองไทยและมูลนิธิโลกสีเขียวได้มีการหารือในการต่อสู้รักษาพื้นที่ในบางกระเจ้าให้เป็นพื้นที่สีเขียว โดยสรุปทางชุมชนไม่เห็นด้วยกับพระราชกฤษฎีกาผังเมืองรวมฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้ด้วยเห็นว่า กระบวนการดำเนินการขัดรัฐธรรมนูญด้านสิทธิชุมชน การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการมีส่วนร่วม และเป็นข้อกำหนดที่กระทบต่อท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าต่อส่วนรวม
นายภราเดช พยัฆวิเชียร นายกสมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา ถึงแนวทางในการต่อสู้ในการรักษาพื้นที่บางกระเจ้าว่า จากการพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่พบว่าส่วนใหญ่คนในท้องถิ่นไม่เห็นด้วยกับผังเมืองใหม่ที่มีการประกาศใช้ เนื่องจากเห็นว่า เป็นการประกาศผังเมืองโดยมิชอบและขัดรัฐธรรมนูญของปี 2550 รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูลของชาวบ้านก็ไม่เป็นไปตามกระบวนการ
"ชาวบ้านอยากรวมตัวกันไปฟ้องที่ศาลปกครอง แต่เพราะมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองกระทันหันทำให้รัฐธรรมนูญถูกยกเลิกจึงยังไม่สามารถดำเนินการได้"นายภราเดช กล่าว และว่า ดังนั้นการต่อสู้เพื่อไม่ให้สูญเสียพื้นที่ดังกล่าวจะต้องอาศัยอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้มีการระงับการใช้ผังเมืองใหม่ ซึ่งเป็นทางหนึ่งที่สามารถกระทำได้เนื่องจากพื้นที่บางกระเจ้าเคยมีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นพื้นที่คุ้มครองด้านสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อม 2535 เพียงแต่ในยุคนั้นจะต้องทำออกมาเป็นขั้นตอนคือออกพระราชกฤษฎีกาภายใต้พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535 แต่ไม่มีใครดำเนินการ
นายกสมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย กล่าวว่า ปัญหานี้เป็นความต้องการที่จะแก้ไขจากข้างล่างขึ้นข้างบน คือ ชาวบ้านเองที่ต้องการจะแก้ ส่วนองค์กรต่างๆเพียงแต่ช่วยกันหาทางออกว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เราพิจารณาแล้วเห็นว่าจะต้องขอให้คสช.ระงับไม่ให้ใช้ผังเมืองใหม่ด้วยการพิจารณาใช้มติครม.เดิมคุ้มครองให้เป็น "พื้นที่พิเศษคุ้มครองสิ่งแวดล้อม" ทั้งนี้ผู้ที่ควรจะต้องยื่นต่อคสช.โดยตรงจะต้องเป็นชาวบ้านในพื้นที่ เพราะรับรู้สถานการณ์และปัญหามากที่สุด ส่วนผังเมืองภาพรวมใหญ่เราได้นำเสนอคสช.ไปแล้ว
"การคุ้มครองพื้นที่บางกระเจ้าไม่ได้หยุดอยู่ที่การระงับการใช้ผังเมืองเท่านั้น หากแต่จะต้องมีแผนระยะยาวที่จะต้องเสนอและทำขนานคู่กันไปด้วย สิ่งที่เราจะทำตอนนี้เป็นเพียงการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมไม่ให้มีการพัฒนาในพื้นที่นี้ในลักษณะที่รีบเกินไปจนทำให้เกิดความเสียหาย และการออกแบบผังเมืองเองควรจะมีมาตรการบังคับในการทำแผนแม่บทมีข้อเสนอที่ชัดเจน เช่น ไม่ให้สร้างตึกสูงในพื้นที่ การจ่ายชดเชยหรือการสร้างมูลค่าที่ดิน รวมทั้งต้องให้มีแผนงานของรัฐที่ชัดเจนในด้านการลงทุนทางโครงสร้างพื้นฐานและรัฐเองต้องมีงบเข้าไปจัดการ อีกทั้งยังต้องมีการทำผังเมืองแบบบูรณาการเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวเนื่อง"
สำหรับผลกระทบของผังเมืองใหม่ที่จะมีต่อพื้นที่บางกระเจ้านั้น นายภราเดช กล่าวว่า 1. ผังเมืองนี้เป็นผังเมืองรวมที่พูดกันหยาบๆ ว่า ควรจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ โดยไม่มีข้อกำหนดหรือการควบคุมทางผังเมืองในรายละเอียดที่ชัดเจน คือไม่มีผังเมืองเฉพาะ
2.ผังเมืองนี้จะเพิ่มความหนาแน่นให้กับพื้นที่ คืออาจจะมีอาคารและตึกที่สูงมากขึ้น
3.เมื่อไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนการพัฒนาก็เป็นแบบกระจัดกระจาย อาจมีการสร้างอาคาร โดยไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ส่งผลให้เกิดปัญหาทั้งตัวโครงการ ปัญหาความหนาแน่น และการจราจร
"บางกะเจ้า เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ ควรจะสงวนไว้เป็นปอดให้คนปริมณฑลได้ใช้หายใจหรือฟอกอากาศ ดังนั้นหากไม่มีการปรับปรุงอะไรวิกฤติผังเมืองจะเกิดขึ้นทั่วประเทศแน่"
นายภราเดช กล่าวด้วยว่า บางกะเจ้าเป็นภาพเล็กในภาพใหญ่ของการปฏิรูปผังเมืองที่ใกล้ตัวและเห็นชัดที่สุด แม้จะเคยมีมติครม.ให้เป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษด้านสิ่งแวดล้อม หรือมีพระราชดำริให้เห็นคุณค่าของพื้นที่ แต่ก็ยังไม่มีกระบวนการที่ชัดเจนว่า พื้นที่นี้จะต้องอยู่อย่างไร ดังนั้นรัฐควรจะต้องมีกติกามีมาตรการส่งเสริมลงไปช่วย บางกะเจ้าจึงเป็นกรณีศึกษาของระบบผังเมือง
"เวลาพัฒนาประเทศเรามองเพียงมิติที่เป็นนามธรรมเฉพาะด้านสังคมและเศรษฐกิจ เราพัฒนาอุตสาหกรรม ขยายตัวชุมชน แต่ไม่เคยพัฒนแผนกายภาพหรือผังเมืองให้ขนานไปอยู่ในระดับเดียวกัน เราไม่ได้มีการพัฒนาแบบบูรณาการหรือส่งเสริมให้มีการใช้พื้นที่ที่ถูกต้อง ในขณะที่ต่างประเทศยึดว่าแผนประเทศทางกายภาพต้องทำก่อนถือเป็นหลักเพดาน หากเรายังไม่จัดการผังประเทศให้เป็นกรอบสักกรอบ ว่าควรจะมีผังเฉพาะคู่ไปกับแผนพัฒนาว่าการลงทุนควรจะทำที่ไหนอย่างไร แล้วพื้นที่แออัดขนาดนี้ต้องมีพื้นที่สีเขียวหรือไม่ เชื่อว่าจะเกิดวิกฤติในการวางผังเมืองทั้งประเทศ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: