ย้ำให้เสรีภาพสื่อ “ประยุทธ์” ลั่นไม่แทรกแซงคดีการเมืองทุกฝ่าย
“พล.อ.ประยุทธ์” น้อยใจถูกวิพากษ์โร้ดแม็พ ย้ำให้เสรีภาพสื่อ ขอลงข้อเท็จจริงอย่าขยายความขัดแย้ง เล็งเพิ่มงบโครงการบริหารจัดการน้ำ 1 หมื่นล้าน บูรณาการงบปี ’57 ต่อเนื่องถึงปี ’58 ปรับโครงสร้างการเมือง – ขรก. ให้คนดีนั่งเก้าอี้ ยันตั้ง “ซุปเปอร์บอร์ด” ไม่ได้รวบผลประโยชน์ พบข้าวหาย 8 – 9 หมื่นกระสอบโครงการจำนำข้าว จ่อสอบบัญชีย้อนหลัง ลั่นไม่แทรกแซงคดีกลุ่มการเมือง – เรียกคนมาคุยเพิ่มแค่ปรับทัศนคติ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการ “คืนความสุขให้คนไทย” ผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เพื่อสรุปความคืบหน้าการทำงานของ คสช.
@น้อยใจถูกวิพากษ์วิจารณ์ทำงาน – ขอสื่อให้ลงข้อเท็จจริงอย่าขยายขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสื่อมวลชนและสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่อโทรทัศน์ดาวเทียม สื่อวิทยุกระจายเสียง สื่อวิทยุชุมชน สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ โดยไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งอีกต่อไป ดังนั้นขอให้ปฏิบัติตาม คสช.และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เพราะวันนี้บ้านเมืองไม่ปกติ ขอร้องว่าอย่าขยายข่าวเพิ่มความขัดแย้ง รวมถึงบางข่าวที่ไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะอาจเป็นการประจานประเทศไทยในสายตาชาวต่างชาติ และสร้างความขัดแย้งให้ไม่จบสิ้น ขาดความไว้วางใจ ทำให้คนดี ๆ อาจถูกให้ร้าย และหมดกำลังใจจะทำงาน
“จะเห็นได้ว่าก่อนหน้าวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ประชาชนบริโภคข่าวทุกประเภท มีทั้งสื่อเลือกข้าง และสื่อที่เป็นกลาง เสนอข้อมูลทำให้ประชาชนสับสน สร้างความเกลียดชัง ดังนั้นอาจทำให้สังคมไทยเสื่อมโทรม เหมือนกับหนังสือหมิ่นสถาบันกษัตริย์ที่ยังแอบลักลอบขายกันอยู่ตอนนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักข่าว บรรณาธิการ หรือสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ช่วยกำหนดมาตรการควบคุมเนื้อหาสื่อ และช่วยนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เสนอข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน หากสื่อใดไม่นำเสนอข้อเท็จจริง และสร้างความเสียหาย สื่อนั้นจะต้องรับผิดชอบ
“คสช.ไม่มุ่งหวังจะจำกัดสิทธิสื่อ ที่ผ่านมานั้นเราได้อนุโลม ให้มีเสรีภาพในการนำเสนอ อาจมากเกินไปด้วยซ้ำ แล้วแต่ว่าใครจะว่าอย่างไร แต่สื่อที่ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และบางครั้งยังไม่ได้ตรวจสอบ จึงขอให้เห็นใจคนถูกว่ากล่าวให้ร้ายบ้าง บางครั้งเราไปลงความเห็นว่าเขาดีหรือไม่ มันไม่มีข้อพิสูจน์ และทำให้สังคมขัดแย้งมากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับโร้ดแม็พ 3 ระยะที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น รู้สึกน้อยใจว่าได้ฟังเวลาที่พูดหรือไม่ ได้รับข้อมูลไหม รู้ว่าท่านห่วงใย และหวังดีกับประเทศ แต่ขอให้กรุณาฟังเราบ้าง เพราะเราทำไปก็บอกทุกครั้ง หากไม่ฟังเลย มันไม่ใช่การติเพื่อก่อ แต่เป็นการติเพื่อทำลาย ในขณะที่เรายังไม่ได้เริ่มทำงาน หรือบางครั้งกำลังทำอยู่แต่ยังไม่เสร็จสิ้น
@เพิ่มงบโครงการบริหารจัดการน้ำ 1 หมื่นล้าน – บูรณาการงบปี ’57 ต่อเนื่องถึงปี ’58
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจ เรากำลังกระตุ้นให้ดีขึ้น โดยจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตขึ้น 1.5 เปอร์เซ็นต์ โดยคสช.จะผลักดันให้โตขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ ตามแนวทางของเราคือกระตุ้นเศรษฐกิจของผู้มีรายได้น้อย ให้ธนาคาต่าง ๆ พิจารณาโครงการให้ประชาชนกู้ยืมเงินไปลงทุนมากขึ้น รวมไปถึงกระตุ้นการส่งออก และรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้แข็ง กระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านทุกช่องทางให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุน เพื่อจะได้เป็นผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องงบประมาณ วันนี้ได้ตรวจสอบงบประมาณปี 2557 พบว่า ยังมีหลายงบประมาณ ในหลายกระทรวง ที่ยังไม่มีแผนงานโครงการรองรับกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยเราจะนำแผนงานโครงการดังกล่าวมาดูอีกครั้งว่า ในแต่ละกระทรวงที่ยังทำได้ช้านั้น จะปรับเพิ่มงบให้ในโครงการที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งงบประมาณปี 2557 เราใช้จ่ายไปถึงไตรมาสสุดท้าย หากใช้ไม่หมด มีแผนงานที่ค้างอยู่ จะผูกพันในงบประมาณปี 2558 เพื่อให้โครงการต่อเนื่อง และบูรณาการ
“อย่างโครงการบริหารจัดการน้ำ สามารถปรับงบประมาณที่เหลือของทุกกระทรวง เพิ่มเติมกว่าหมื่นล้านบาท และจะดำเนินการเร่งด่วนในปี 2557 ต่อเนื่องไปถึงปี 2558 ส่วนด้านการสาธารณูปโภค และด้านพลังงาน ขณะนี้อยู่ในขั้นพิจารณาแผนงานดังกล่าวบางส่วนอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ส่วนการอนุมัติงบประมาณวงเงินร้อยล้านบาท พันล้านบาท และหมื่นล้านบาทนั้น เป็นการอนุมัติในกรอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิม ซึ่งคสช.ทำหน้าที่อยู่ โดยปรับเปลี่ยนแผนงานบางส่วนที่ค้างคาจากรัฐบาลที่แล้ว เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์
“ส่วนงบประมาณที่ คสช.ใช้จ่ายเป็นหลักคืองบประมาณด้านพลเรือน ตำรวจ ทหาร และงบปฏิบัติการบางส่วน ส่วนงบประมาณการจัดซื้อของกองทัพบกนั้น อยู่ในส่วนแผนงานเดิมที่บรรจุในงบประจำปี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ปรับโครงสร้างบริหาร – ขรก. ให้คนดีนั่งเก้าอี้ ยันตั้ง “ซุปเปอร์บอร์ด” ไม่ได้รวบผลประโยชน์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการปฏิรูปในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ที่เตรียมการโดยคสช.นั้น ขณะนี้อำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็น และถกเถียงกันแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่ระยะที่ 2 จะมีการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยจะรับสมัครทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย โดยจะกำหนดในรัฐธรรมนูญชั่วคราว นอกจากนี้หากมีรัฐบาล จะสามารถปฏิรูปได้ทุกอย่าง และวันนี้ได้มีการตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวแล้ว โดยรายละเอียดในการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รัฐบาล และสภาปฏิรูปฯ จะทำในเดือนกันยายน 2557 ซึ่งเข้าสู่ตามโร้ดแม็พระยะที่ 2 โดยจะทูลเกล้าถวายร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว และตั้ง สนช.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนระบบราชการที่ผ่านมานั้น เกิดความเสียหายมาก แต่ไม่อยากตำหนิเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงาน แต่ผู้รับผิดชอบคือหัวหน้า ซึ่งไม่ได้กำกับดูแลให้เป็นไปตามระเบียบ และวันนี้คสช.ตรวจสอบแล้ว ใครผิดหรือถูกอย่างไรก็คงต้องพิสูจน์ต่อไป แต่ที่ผ่านมานั้นเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานอาจติดขัดกับระเบียบข้าราชการที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
“ผมต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าหน่วยงานคือ ผู้บัญชาการทหารบก และปัจจุบันหัวหน้าคสช.ด้วย วันนี้แม้ว่าจะมอบหมายงานต่าง ๆ กระจายอำนาจไปบ้างแล้ว แต่ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ ต้องกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง ถ้าบริหารอย่างเดียวมันก็ไม่ก้าวหน้า งานก็ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องดูแลให้ดีที่สุด รวมถึงให้รางวัลคนดี ทำโทษคนไม่ดี หลักการผมคือ นายต้องดูแลลูกน้อง ลูกน้องไม่ต้องดูแลนาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการบริหารนั้น ฝ่ายการเมืองกับฝ่ายข้าราชการ ต้องปรับปรุงโครงสร้าง บุคลากร คุณภาพ และความซื่อสัตย์ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า คนดีย่อมมีมากกว่าคนไม่ดี เราพยายามใช้คนดีทำงาน หากไม่ได้ก็ต้องปรับเปลี่ยนจนกว่าจะได้คนดีจริง ๆ ส่วนการย้ายข้าราชการในส่วนของซี 10 และซี 11 นั้น ต้องใช้อำนาจของคสช. โดยย้ายตามความเหมาะสม ส่วนระดับที่ต่ำกว่านั้นเป็นเรื่องของปลัดกระทรวงที่ต้องรับผิดชอบ
“ขอเรียนว่าการย้ายข้าราชการ ไม่ได้สืบทอดอำนาจ หรือเปลี่ยนกลุ่มผลประโยชน์ แต่เป็นการแก้ไขผลประโยชน์ทับซ้อน และการทุจริต โดยเป็นการยากที่จะคัดสรรบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองยุคใดเข้ามาบริหารได้ ฉะนั้นถ้าเราตั้งใหม่ไปแล้ว และทำงานไม่ดี ก็ต้องปรับใหม่ตลอด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการจัดตั้งซุปเปอร์บอร์ดในรัฐวิสาหกิจนั้น เพื่อกำหนดนโยบาย ควบคุมให้รัดกุ้มมากขึ้น ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย หรือรวบผลประโยชน์มาสู่คสช. แต่ต้องการให้เกิดความโปร่งใสแก่ประชาชน และประเทศชาติในระยะต่อไป
@พบข้าวหาย 8 – 9 หมื่นกระสอบโครงการจำนำข้าว จ่อสอบบัญชีย้อนหลัง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาการทุจริตนั้น ปัจจุบันกระบวนการตรวจสอบทุจริตของ คสช.ดำเนการได้ 1 เดือนแล้ว หากมีแผนงานโครงการหน่วยใดผิดปกติ จะรีบนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทันที ปัจจุบันเราพิจารณาคัดสรรคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน เพื่อตรวจสอบทุกโครงการที่มีปัญหา
“ในส่วนของการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ก็เริ่มตรวจบ้างแล้ว พบว่า มีข้าวบางส่วนหายไป 8 – 9 หมื่นกระสอบ รวมมูลค่า 60 – 70 ล้านบาท โดยขณะนี้มีชุดตรวจกว่า 100 ชุดทั่วประเทศ โดยจะดำเนินการตรวจบัญชีย้อนหลังก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ลั่นไม่แทรกแซงคดีกลุ่มการเมือง – เรียกคนมาคุยเพิ่มแค่ปรับทัศนคติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเรียกคนมารายงานตัวนั้น ต้องการแค่เรียกคู่ขัดแย้งมาพูดคุย ไม่ได้เรียกมากักขัง ดังนั้นขอความร่วมมือกับสื่อ ขอให้เข้าใจ ถ้าเราไม่เอามาคุยก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเรียกมาบ้าง เชิญมาบ้าง แล้วแต่กรณีหนักเบาของปัญหา เราไม่อยากให้เกิดการปลุกปั่น และสร้างความเกลียดชังต่อคนในชาติอีกต่อไป
“วันนี้เราพูดคุยกับสื่อ เราเห็นใจท่าน ท่านต้องเห็นใจเรา เราไม่ได้แทรกแซงเสรีภาพสื่อ แต่เราส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ยุติธรรม ลดความขัดแย้ง เป็นกลาง ไม่บิดเบือน ตามหลักของกฎหมาย โดยนโยบายของ คสช.จะไม่แทรกแซงในผลคดีใด ๆ ของการเมืองของทุกขั้วทุกฝ่าย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว