“พัชรี”ต่อสายตรง ปปง.ปัดเอี่ยวคดีโกงภาษีvat หลังโดนอายัดเกลี้ยง 500 ล.
“พัชรี”ต่อสายตรง ปปง. ปัดเอี่ยว "วีรยุทธ แซ่หลก" คดีโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,000 ล้าน หลัง พ.ต.อ.สีหนาท นำทีมลุยอายัดทรัพย์สินเกลี้ยงกว่า 500 ล้าน ที่ดินโรงแรมเดอะฮิลล์ อ.ปากช่อง โดนด้วย
แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ในระหว่างที่ ปปง.ได้นำกำลังเจ้าหน้า พร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นทรัพย์สินของ น.ส.พัชรี ศิริโชติ ซึ่งถูกระบุข้อมูลว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับนายวีรยุทธ แช่หลก หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)วงเงินกว่า 4 พันล้านบาท ทั้งในส่วนของบริษัท บ้านพัก อาคารชุด และโรงแรม รวม 4 จุด
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ปปง.ได้มีโอกาสพูดคุยกับน.ส.พัชรี ผ่านทางโทรศัพท์ โดยน.ส.พัชรี ได้ยืนยันว่าไม่เคยรู้จัก หรือมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับนายวีรยุทธ แช่หลก แต่อย่างใด
“คุณพัชรี ได้สอบถามเหตุผลถึงการบุกค้นและคำสั่งอายัดของเธอ พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วย แต่ ปปง.มีข้อมูลยืนยันว่าคดีนี้ น.ส.พัชรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย จึงได้ทำการอายัดทรัพย์สินเอาไว้ ซึ่งขั้นตอนจากนี้ไป เป็นหน้าที่ของน.ส.พัชรี ที่จะต้องเข้ามาชี้แจงข้อมูลกับ ปปง. ด้วยตนเอง ภายในระยะเวลา 30 วัน ตามระเบียบ หากไม่มาดำเนินการติดต่อ ปปง.จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องยึดทรัพย์ตกเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการบุกค้นและอายัดทรัพย์สิน น.ส.พัชรี ของ ปปง. ครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงสายวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.ได้นำกำลังเจ้าหน้า ป.ป.ง. พร้อมหมายศาลอาญา เข้าตรวจค้นทรัพย์สินด้วยตนเอง ทั้งที่บริษัท ไฮ สแตนดาร์ด มาร์เก็ตติ้ง aro marketting)ตั้งอยู่บ้านเลข 99/496 หมู่2. และ บ้านพักบ้านเลขที่ 99/699 หมู่ 2 ซอยแจ้งวัฒนะ 10 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ แขวงทุ่งสองห้อง กทม. ที่นางพัชรี ศิริโชติเป็นเจ้าของบ้าน และทำการตรวจยึดทรัพย์สิน ประกอบด้วย ตู้เซฟขนาดใหญ่จำนวน 2 ตู้ รถยนต์จำนวน 4 คัน ประกอบไปด้วยรถยนต์ ฟอร์ด เฟียสต้า ป้ายแดงทะเบียน ณ 9919 รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ ทะเบียน วว.9000 รถยนต์ปอเช่ ทะเบียน ฉย. 555 กรุงเทพ และรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ฟรีด ทะเบียน. ชม.9000 กรุงเทพมหานคร และเอกสารต่างๆ
พ.ต.อ.สีหนาท ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า น.ส.พัชรี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำหน้าที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ โดยภายใน 2 ปี ได้ทำการฉ้อโกงภาษี สร้างความเสียหายให้กับรัฐ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท มีนายวีรยุทธ แช่หลก ซึ่งก่อนหน้านี้ ปปง.ได้ทำการอายัดทรัพย์สิน ไปแล้ว 132 ล้านบาท ร่วมขบวนการด้วย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ปปง ยังเข้าตรวจค้นพร้อมกันอีก รวม 4 จุด อาทิ อาคารชุดย่านสาธร,บ้านพักย่านบางใหญ่ และโรงแรมเดอะฮิลล์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อายัดทรัพย์สิน มูลค่ารวมประมาณกว่า 500 ล้านบาท และบัญชีธนาคารและเงินสด รวมถึงทำการอายัดทรัพย์ของนางนุชนภา ศิริโชติ และนางน้ำทิพทย์ น้องสาวและแม่ อีกด้วย
ในวันเดียวกัน ปปง.ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าการตรวจสอบข้อมูลคดีโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,000 ล้านบาท ระบุว่า คดีนี้ เริ่มต้นมาจาก สำนักงาน ปปง. ได้รับแจ้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีกระทรวงการคลังได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกลุ่มบุคคลที่จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม และเป็นผู้ส่งออกสินค้าประเภทโลหะโดยสำแดงราคาเท็จ สูงกว่าความเป็นจริง และนำรายการภาษีมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐบาลเป็นจำนวนมาก และดีเอสไอ ได้รับเป็นคดีพิเศษ 115/2556 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 โดยมีผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย นายวีรยุทธ แช่หลก หรือ นายธนยุทธ ดลธนโกเศศ ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวสายธาร แซ่หลก ผู้ต้องหาคนที่ 2 นายสุรเชษฐ์ มหารำลึก ผู้ต้องหาคนที่ 3 นายประสิทธิ์ อัญญโชติ ผู้ต้องหาคนที่ 4 และนายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ ผู้ต้องหาคนที่ 5
2. สำหรับการดำเนินการในส่วนของสำนักงาน ปปง. นั้น เลขาธิการ ปปง. ได้มีคำสั่งมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของบุคคลที่กระทำความผิด รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำผิด ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยจากการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่าในช่วงเวลาประมาณระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 นายวีรยุทธ แซ่หลก กับพวกมีพฤติการณ์ในการร่วมกันออกและใช้ใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออก โดยเจตนานำใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี และร่วมกันหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม การกระทำใด ๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีอื่นใดทำนองเดียวกัน ตามประมวลกฎหมายอาญารัษฎากร ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม และร่วมกันฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มีมูลค่าความเสียหายกว่า 4,343 ล้านบาท ซึ่งเป็นกรณีที่เข้าข่ายความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดังนั้น สำนักงาน ปปง. โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้ออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว จำนวน 3 ครั้ง คือ คำสั่ง ที่ ย. 81/2556 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2556 คำสั่งที่ ย. 28/2557 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 และคำสั่งที่ 102/2557 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2557 รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 280 ล้านบาท
3. นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 พนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง.ได้นำหมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักซึ่งตั้งอยู่ที่ ซอยแจ้งวัฒนะ 10 หลักสี่ กรุงเทพฯ , บ้านพักซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านแกรนด์บางกอกบูเลอวาร์ด นนทบุรี , ห้องชุดซึ่งตั้งอยู่ที่เกรสไอวอรี่ สาทร กรุงเทพฯ และ โรงแรมเดอะฮิลล์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา รวม 4 เป้าหมาย ซึ่งเป็นของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัยว่า สถานที่ดังกล่าว อาจมีการ ซุกซ่อน หรือเก็บรักษาทรัพย์สินหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ทั้งนี้ เพื่อตรวจค้น ติดตาม ตรวจสอบ หรือยึดหรืออายัดทรัพย์ หรือพยานหลักฐานในคดีดังกล่าว ผลการตรวจค้น พบทรัพย์สินที่เชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ประกอบกับเป็นกรณีจำเป็นหรือเร่งด่วน ในการนี้เลขาธิการ ปปง. จึงได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน เช่น ห้องชุด ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โรงแรมเดอะฮิลล์ ซึ่งชื่อเดิมคือ โรงแรมปากช่อง แลนด์มาร์ค เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารต่าง ๆ หน่วยลงทุนในหลักทรัพย์จัดการกองทุน และรถยนต์หรู อีก 2 คัน คือ รถปอร์เช่ 1 คัน และ รถตู้โฟล็คสวาเกน 1 คัน รวมทรัพย์สินที่มีการยึดและอายัดไว้ จำนวน 62 รายการ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ไว้ชั่วคราวมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 รวมมูลค่าทรัพย์สินที่มีการยึดและอายัดไว้ในคดีดังกล่าวทั้งหมดกว่า 780 ล้านบาท
4. เนื่องจากคดีดังกล่าว เป็นคดีสำคัญและมีความเสียหายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ขณะนี้ สำนักงาน ปปง. จึงได้เร่งดำเนินการติดตาม ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยหากพบว่ามีทรัพย์สินใดที่เชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอีก ก็จะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อพิจารณายึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวโดยเร็ว และหากพบว่าผู้ใดมีการโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่า ก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ในความผิดมูลฐาน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิ์ใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จำดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินกับผู้นั้นอย่างเด็ดขาดด้วย
หมายเหตุ : ภาพประกอบเจ้าหน้าที่ ปปง.อายัดทรัพย์จาก ไทยรัฐ