โครงการเพาะกล้าไม้ ใต้แผนบริหารน้ำ"ยิ่งลักษณ์"3.5แสนล.ล้มตายเพียบ!
สตง. ชง พ.ต.อ.ประยุทธ์ สางปัญหาโครงการเพาะชำกล้าไม้ 481ล. กระทรวงทรัพย์ฯ ภายใต้วงเงินกู้แผนบริหารน้ำ 3.5 แสน ยุครัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" หลังตรวจสอบพบปล่อยปละละเลยเสียหาย ล้มตายเพียบ!

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแจ้งให้ทราบผลการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการเพาะชำกล้าไม้ตามแผนฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เงินกู้ 350,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2555 สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่ิงลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ สตง.ระบุว่า งานเพาะชำกล้าไม้ดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 481.55 ล้านบาท จากเงินกู้สำหรับโครงการตามแผนฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เงินกู้ 350,000 ล้านบาท เพื่อเพาะชำกล้าไม้จำนวน 172.60 ล้านกล้า
แต่จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันกระทรวงทรัพย์ฯ ยังไม่มีความชัดเจนในการจัดการกล้าไม้ เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมปลูกป่าตามวัตถุประสงค์โครงการในปีงบประมาณ 2556
ต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้นำแผนแม่บทจัดการน้ำไปดำเนินการจัดทำกระบวนการรับฟังความเห็นจากประชาชน ทำให้กิจกรรมการปลูกป่าตามโครงการดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการและไม่มีการจัดสรรงบประมาณในการดูแลบำรุงรักษากล้าไม้ ส่งผลให้กล้าไม้ค้างในแปลงเพาะชำและไม่ได้รับการบำรุงรักษาที่เหมาะสมตามหลักวิชาการ เสียหายและล้มตายเป็นจำนวนมาก และบางส่วนไม่สามารถนำไปปลูกป่าได้ กล้าไม้บางชนิดเกิดโรคระบาด
สตง. พิจารณาแล้วเห็นว่าการที่กล้าไม้ที่เพาะในปีงบประมาณ 55 ซึ่งปัจจุบันล่วงเลยมาเป็นเวลาประมาณ 2 ปี ยังไม่มีความชัดเจนในการจัดการ ทั้งในด้านการบำรุงรักษา จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของกล้าไม้และมีอัตราการตายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณ ซึ่งมีต้นทุนกล้าละ 2.79 บาท
จึงเห็นสมควรให้ หัวหน้า คสช.สั่งการให้ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ เร่งพิจารณากำหนดแนวทางการจัดการกล้าไม้ที่เหมาะสม โดยพิจารณาแนวทางการแจกจ่ายกล้าไม้ให้กับหน่วยงานเอกชน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา ประชาชน ที่มีศักยภาพและความพร้อมในการปลูกและบำรุงรักษาป่าเป็นลำดับแรก เพื่อให้สามารถปลูกป่าได้ทันในช่วงฤดูฝนและเป็นการลดภาระงบประมาณ
