ม.ล.ปนัดดา ชี้ประชานิยมทำคนไทยเกือบเป็นซอมบี้ทั้งประเทศ
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โพสต์เฟชบุ๊ก ฉะนักการเมืองไร้จรรยาบรรณ ต้นเหตุยุยงประชาชนแตกแยก วอนข้าราชการ-คนในชาติปรับปรุงตัว เปลี่ยนแนวคิด เลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ เลิกเอารัดเอาเปรียบ ทุจริตคดโกง ก่อนผีดิบจะเต็มเมือง
วันที่ 19 มิถุนายน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และรักษาราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงปัญหาของชาติที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาว่า หากมองให้ลึกลงไป จะเห็นได้ว่า แท้ที่จริงแล้วปู่ย่าตายายของคนไทยสอนลูกหลานเรากันมาถูกต้องทั้งสิ้น เช่น มองไปถึงเรื่องปัญหาการทุจริตข้าวที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ถ้าไม่ใช่เรื่องของความไม่มีน้ำจิตน้ำใจต่อพี่น้องเกษตรกรและลูกหลาน ไปคิดทำเป็นเกมส์สนุกสนานจนเป็นหนี้เป็นสินกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งๆ ที่ในทวีปยุโรปหลายประเทศเขารังเกียจมากต่อหลักคิดประชานิยม ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม
"ศาสตราจารย์ชาวสวีเดนท่านหนึ่งพูดว่า ประชานิยมที่ทำให้คนดีๆ กลายเป็นซอมบี้(ผีดิบ) มีเรื่องคืนภาษีรถยนต์คันแรกให้ครบ เรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำที่ใหญ่โตมโหฬาร เรื่องรถไฟพลังเร็วสูงแบบญี่ปุ่น การไม่ให้ผู้คนเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีของชาติและไม่เคารพจารีตประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดิน"ม.ล.ปนัดดา กล่าว และว่า ประการสำคัญที่สุด คือ การยุยงให้ประชาชนในชาติเกิดความแตกแยกเป็นจังหวัด เป็นภาค เพราะการเมืองที่ปราศจากจรรยาบรรณ แทนที่จะพูดว่า "จังหวัดทั้งหลายคือความเป็นประเทศไทยเดียวกัน ใต้ร่มพระบารมีเดียวกัน เราต่างพึ่งพาอาศัยกัน เราต้องรักกัน"
ม.ล.ปนัดดา กล่าวด้วยว่า บรรพชนไทยสอนเรามาเช่นนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพประทานสอนแก่ศิษย์ของพระองค์ท่านที่สวนกุหลาบวิทยาลัยและนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเช่นนี้
"คุณความดีของชาติหายไปได้อย่างไร เป็นเรื่องที่พี่น้องเพื่อนข้าราชการและประชาชนชาวไทยต้องกลับมาช่วยกันฟื้นฟู คนเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่อาจหลงทางเดินเพราะไปหลงในคารมกับอีกความร่ำรวยของคน เราทั้งหลายก็ต้องช่วยกันปรับปรุงตัวปรับเปลี่ยนแนวคิด เลิกถือเนื้อถือตัวหรือแบ่งชนชั้นวรรณะ เลิกเอารัดเอาเปรียบ เลิกทุจริตคดโกงอย่างเด็ดขาด ตั้งใจทำงานในสาขาอาชีพแห่งตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดหลักธรรมาภิบาลในการครองตนและครอบครัว เราต้องช่วยกันทุกผู้ทุกฝ่ายอย่างจริงจัง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน มิเช่นนั้นแล้วคงมีหวังได้เห็นซอมบี้เดินกันเต็มเมือง"