สมุดปกขาว ราคาคูปอง 1,000 บาท ใครได้ประโยชน์ ?
ราคาคูปอง 1,000 บาท ใครได้ประโยชน์ ?
1. ทำไมต้องค้านราคาคูปอง 1,000 บาท
หลายคนเข้าใจผิดว่า องค์กรผู้บริโภคเพี้ยนหรือหรือเปล่า ทำไมต้องค้าน กสทช. ที่เพิ่มมูลค่าคูปองจาก 690 บาท เป็น 1,000 บาท เพราะผู้บริโภคน่าจะเป็นผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากมูลค่าคูปองที่เพิ่มขึ้น
ต้องบอกว่า นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว ผู้บริโภค ยังเสียประโยชน์ และมีภาระต่อกระเป๋าตัวเองจากการขึ้นราคา และมีเหตุผลสำคัญที่ต้องคัดค้านดังนี้
เหตุผลแรก การแจกคูปองครั้งนี้ อาจจะทำให้รัฐเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนราคากล่องบวกค่าบริหารจัดการรวมกำไรแล้ว ไม่เกิน 512 บาท
เหตุผลที่สอง การเพิ่มมูลค่าคูปองเป็นภาระกับผู้บริโภคมากขึ้น ก่อนที่ กสทช. จะมีมติเคาะราคาคูปองที่ 1,000 บาท ราคากล่องทีวีดิจิตอลในท้องตลาด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม กำหนดราคาอยู่ที่ 690 บาทเท่านั้น แต่เมื่อมีการลงมติของกสท. กำหนดราคาคูปองที่ 1,000 บาท ทำให้ราคากล่องทีวีดิจิตอลเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม กำหนดราคาขั้นต่ำที่ 1,290 บาท แต่เมื่อกรรมการกองทุน ฯ ลงมติสนับสนุนกสท. การสำรวจเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมาราคาต่ำสุดตามมาตรฐานของกสทช. ปรับเป็น 1,490 บาท ซึ่งกรณีเช่นนี้ คล้ายกับโครงการจำนำข้าว เพราะเมื่อราคาคูปองแพงขึ้น แทนที่ผู้บริโภค จะได้เงินทอน กลับกลายเป็นทำให้ราคากล่องในท้องตลาดเพิ่มสูงขึ้น แถมผู้บริโภคยังต้องรับภาระในการจ่ายเงินเพิ่มเติม
สรุปผู้บริโภค ไม่ควรสนับสนุน เพราะนอกจากเป็นภาระกับตัวเอง แถมประเทศต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ราคาคูปองที่ 1,000 บาท ไม่เหมาะสมเพราะทำให้เกิดภาระต่อผู้บริโภค และทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณของรัฐไปโดยไม่มีความจำเป็น
2. ภาระของผู้บริโภคเมื่อคูปองราคา 1,000 บาท
3. คูปองราคา 1,000 บาทใครได้ประโยชน์ ?
หากเรื่องนี้ดำเนินการตรงไปตรงมาไม่มีเงินทอน ไม่มีใต้โต๊ะ ไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้ใคร คูปอง 1,000 บาท น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างน้อย 3 กลุ่ม
กลุ่มที่หนึ่ง... คนขายกล่องได้ขายกล่องในราคาที่แพงขึ้นจาก 690 บาท เป็น 1,290-1,490 บาท
กลุ่มที่สอง...บริษัทจำหน่ายทีวีดิจิตอล เพราะสามารถลดราคาทีวีดิจิตอลได้อย่างน้อย 1,000 บาท โดย กสทช.เป็นผู้ออกเงิน
กลุ่มที่สาม...ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมหรือเคเบิ้ลทีวี เพราะสามารถนำคูปองเป็นส่วนลดในการซื้อกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี รองรับการดูรายการความละเอียดสูง( HD)และมีการเรียงช่องรายการตั้งแต่หมายเลข 1-36 ช่องแรกเป็นทีวีดิจิทัลและช่องที่ 37 เป็นต้นไปเป็น Pay TV แต่ขณะที่กสทช. มีเป้าหมายทำทีวีดิจิตอล 48 ช่องตามแผนแม่บท
4. ราคาที่แท้จริงของกล่องควรเป็นเท่าใด
จากการศึกษาพบว่า กล่องแปลงสัญญาณทีวีระบบดิจิตอล รุ่น DVB T2 ตามมาตรฐานที่กสทช.กำหนด ราคาที่มีกำไร ไม่เกิน 512 บาท โดยมีข้อมูลสนับสนุนดังนี้
4.1. หลักฐานข้อมูลการจำหน่ายกล่อง จาก เวปไซท์ www.alibaba.com ซึ่งมีการซื้อขายทั่วโลก พบว่า ราคากล่อง รุ่น DVB T2 จะมีราคาตั้งต้นเพียง 10-20 เหรียญสหรัฐ สำหรับการสั่งซื้อจำนวน 1,000 ชิ้นและหากมีการติดต่อซื้อขายโดยบริษัทเอกชน จะได้รับราคาพิเศษมากกว่าการจำหน่ายต่อผู้บริโภค
4.2. เอกสารเผยแพร่เล่มที่ 2 ของ กสทช. : ข้อพิจารณาของการเปลี่ยนผ่านไปสู่โทรทัศน์ระบบดิจิตอล ให้ข้อมูล สนับสนุน ว่า ราคาขายปลีกของกล่องแปลงสัญญาณ รุ่น DVB-T2 ราคาขายปลีกต่ำสุดอยู่ที่ 23 เหรียญสหรัฐ ตรวจสอบข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2555
4.3 กสทช. ทราบดีหรือต้องทราบ ว่า ต้นทุนราคากล่องเป็นเท่าใด เพราะสามารถขอโครงสร้างราคาและต้นทุนที่แท้จริง เห็นได้จากข้อมูลล่าสุดของบางบริษัทที่ถูกเปิดเผยพบว่า มีราคาต้นทุนที่ 475 บาทเท่านั้น
5. กล่องราคา 512 บาทที่องค์กรผู้บริโภคเสนอ ทำจากสังกะสีหรือไม่
คำถามจากหลายคนที่ไม่เห็นด้วยเรื่องราคากล่องที่องค์กรผู้บริโภคเสนอ มักจะมุ่งไปที่ข้อกล่าวหา ว่า กล่องที่องค์กรผู้บริโภคเสนอทำด้วยสังกะสีบ้าง คุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กสทช. กำหนด หรือเป็นกล่องรุ่นเก่าบ้าง
5. 1 กล่องที่องค์กรผู้บริโภคเสนอ เป็นกล่องที่มีมาตรฐานเทียบเท่ากับคุณภาพและมาตรฐานที่กสทช.กำหนดทุกประการ
5.2 บริษัทผู้ผลิตกล่องในประเทศไทยมีเพียง 3 บริษัทเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ทั้งสามบริษัทต่างก็นำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบ หรือนำสินค้ากึ่งสำเร็จรูป หรือนำเข้าสินค้าเข้ามาจัดจำหน่าย
5.3 บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายกล่องในครั้งนี้ของกสทช. โดยส่วนใหญ่นำเข้ากล่องจากต่างประเทศ ถึงแม้ ถึงแม้กสท. จะบังคับให้กล่องที่จำหน่ายเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศก็ตาม แต่ กสท. ทราบดีว่า เป็นสินค้าที่นำเข้าโดยมีเพียงการติดยี่ห้อของตนเอง เพื่อการผลิตและจำหน่ายเท่านั้น
6. ใช้เงินเกินวงเงิน 15,190 ล้านบาทได้หรือไม่
ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556 ซึ่งกำหนดใน ข้อ 10.2(6) ว่า เงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในส่วนของราคาขั้นต่ำจะนำไปใช้เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลอย่างทั่วถึง ดังนั้นกรอบวงเงินที่จะนำมาใช้ในกรณีนี้ คือ 15,190 ล้านบาท เมื่อเทียบกับจำนวนที่อ้างอิงว่าจะต้องแจกจ่าย 22 ล้านครัวเรือนแล้วจึงประมาณการเฉลี่ยได้เท่ากับ 690 บาทต่อครัวเรือน
7. เงิน 12,500 ล้านบาท สามารถทำอะไรได้บ้าง
7.1 สามารถทำโครงการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี Wi-Fi โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์สาธารณะของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ได้มากกว่า 13 ปี เพื่อสามารถให้บริการในสถานที่เป้าหมายทั่วประเทศ ๓๐,๐๐๐ แห่ง อันได้แก่ มหาวิทยาลัยของรัฐ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการ อบต. ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน โรงพยาบาลของรัฐ สถานีตำรวจบางแห่ง ที่ทำการไปรษณีย์ และสถานที่สำคัญ เช่น สถานที่ท่องเทียว สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน และสถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น โดยมีจำนวน Access Point ที่ให้บริการทั้งหมด ๑๕๐,๐๐๐ จุด และมีความเร็วในการให้บริการที่ ๒ Mbps ต่อ Access Point ซึ่งใช้งบประมาณ 950 ล้านบาทต่อปี
7.2 สามารถนำเงินนี้ให้นักศึกษากู้ยืมเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยจำนวนประมาณ 400,000 ราย เป็นระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากปีที่ผ่านมากองทุนกยศ. ได้รับงบประมาณประมาณ 6,700 ล้านบาท โดยสามารถปล่อยให้กู้ยืมได้เพียง 492,529 ราย จากที่มีความต้องการมากถึง 865,200 ราย
8. กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ต้องรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 28
การแจกคูปองในการจัดเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอล ที่ใช้งบประมาณมากถึง 25,000 ล้านบาท ไม่มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ไม่มีการเปิดเผยต้นทุนต่อสาธารณะ และไม่ส่วนร่วมในการดำเนินการ
ก่อนที่จะเกิความเสียหายต่องบประมาณสาธารณะที่มากถึง 12,500 ล้านบาท สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะเข้ามามีบทบาทให้ทุกฝ่ายแสดงราคาต้นทุน ก่อนการดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหายต่อประเทศ ได้อย่างไร รวมถึงในอนาคต การพัฒนารูปแบบ กลไกในการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ จะมีความโปร่งใส มีส่วนร่วมจากกลุ่มต่าง ๆ สาธารณะสามารถเข้าถึงข้อมูล และตรวจสอบกระบวนการที่เกี่ยวข้องได้อย่างไร
9. ข้อเสนอให้กสทช.
9.1 แจกคูปองมูลค่า 690 บาทใน 4 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพ ฯ สงขลา เชียงใหม่ และนคราราชสีมา ที่เริ่มดำเนินการจำนวน 10 ล้านใบ ตามแผนปีพ.ศ. 2557 เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถนำคูปองไปแลกซื้อกล่องแปลงสัญญาณทีวีดิจิตอล หรือแลกซื้อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตามข้อเสนอของกสท. นับเป็นข้อเสนอที่ประนีประนอมเพื่อป้องกันผลกระทบต่อธุรกิจทีวีดิจิตอลจำนวน 24 ช่องที่ได้ในอนุญาตประกอบกิจการและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทุกวัน และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่ทราบดีว่า ต้นทุนราคากล่องเป็นเท่าใด ต้องไม่ปล่อยหรือยอมให้รัฐเสียหาย แต่ต้องการเพียงผลประโยชน์ของตนเองที่ต้องการเพิ่มผู้ชมทีวีเท่านั้น
9.2 ส่วนการดำเนินการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอลในระยะถัดไปในปีพ.ศ. 2558 - 2560 ขอให้กสทช. ปรับรูปแบบในการดำเนินการ โดยจัดให้มีการประมูลกล่องเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้บริโภค กสทช.มีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานสินค้า การรับประกัน การดูแลลูกค้า คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมการประมูล และสามารถประมูลในการให้จัดบริการได้ไม่เกิน 500,000 กล่อง ในการประมูลครั้งต่อไปก็กำหนดเงื่อนไขในลักษณะห้ามมิให้บริษัทลูกของบริษัทที่เคยประมูลได้ไปแล้ว เข้าร่วมการประมูล ซึ่งจะป้องกันปัญหาการผูกขาดได้ รวมทั้งสามารถกำหนดเงื่อนไขราคาที่ต่ำลงในการประมูลครั้งต่อไปที่สอดคล้องกับการศึกษาในประเทศอังกฤษที่ในระยะยาวกล่องนี้จะมีราคาถูกลงอย่างรวดเร็ว
ลำดับเหตุการณ์สำคัญของเรื่องนี้
• การเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2555-2559) ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้ประกาศใช้เมื่อ 4 เมษายน 2555
• มติของ กสทช. เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2557 กำหนดแนวทางการแจก"คูปองส่วนลด"เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบทีวีดิจิทัล โดยกำหนดให้แจกคูปองสำหรับกล่องหรือใช้เป็นส่วนลดการซื้อทีวี ดังนี้
1. กล่องแปลงสัญญาณดิจิทัลภาคพื้นดิน( Set-Top-Box ) พร้อมสายอากาศในอาคารแบบมีภาคขยาย( Active Antenna)
2. เครื่องรับโทรทัศน์แบบมีอุปกรณ์รับสัญญาณดิจิทัลในตัว ( TV-Digital )
3. กล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี รองรับการดูรายการความละเอียดสูง( HD)และมีการเรียงช่องรายการตั้งแต่หมายเลข 1-36 ช่องแรกเป็นทีวีดิจิทัลและช่องที่ 37 เป็นต้นไปเป็น Pay TV ไม่หารายได้จากการโฆษณาและเป็นกล่องรับสัญญาณแบบขายขาด แม้ผู้บริโภคจะไม่จ่ายค่าบริการรายเดือนก็ดูฟรีทีวีดิจิทัล 36 ช่อง
• มติกรรมการกองทุน ฯ วันที่ 5 มิถุนายน 2557 เห็นชอบการแจงคูปองเซ็ตท็อปบ็อกซ์ มูลค่า 1,000 บาท ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เสนอมา ให้กับ 25 ล้านครัวเรือน ในกรอบวงเงิน 25,000 ล้านบาท ส่วนประเด็นรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศนั้น ที่ประชุมเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารกองทุน กทปส. จึงมีมติให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ต่อประชุม กสทช. เพื่อพิจารณา และคาดว่าจะมีการพิจารณาในวันที่ 18 มิถุนายนนี้
หมายเหตุ:
วันที่ 17 มิ.ย.57 นางสาวสารี อ๋องสมหวัง และตัวแทนคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ยื่นเอกสารสมุดปกขาว ราคาคูปอง 1,000 บาท ใครได้ประโยชน์ ? ต่อ นายฐากร ตัณฑสิทธิ เลขาธิการ กสทช.