อัยการ"ประสิทธิ์"ยันใช้เมมเบอร์ทีโอทีตีกอล์ฟ ยอดแค่ 4 แสน ไม่ถึง1.2 ล.
อัยการ "ประสิทธิ์" ยืดอกรับใช้เมมเบอร์สมาชิกทีโอทีตีกอล์ฟจริง แต่ยอดแค่ 4 แสน ไม่ถึงล้านกว่าบาท ย้ำเป็นบัตรบอร์ดชุดเก่าตั้งแต่ปี 48 เผยบริษัทจัดให้เอง ได้มา 3 ปี เพิ่งเอามาใช้ปีสุดท้าย "ช่วงแรกไม่ไปถูกต่อว่า" ปัดตอบเรื่องธรรมาภิบาล ชวนสังคมตั้งข้อสังเกตทำไมถึงถูกโจมตีในช่วงเวลานี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.57 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 3 ในฐานะอดีตกรรมการบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวอิศรา ชี้แจงถึงกรณีถูกร้องเรียนจาก สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ทีโอที ในการใช้จ่ายเงินค่ารับรองกรรมการเพื่อความบันเทิงที่สโมสรราชพฤกษ์ (บริษัทนอร์ธ ปาร์ค กอล์ฟแอนสปอร์ตคลับ จำกัด) ระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2555-31 มกราคม 2557 เป็นเงินจำนวน 1,238,307.40 บาท ก่อนที่นายประสิทธิ์ จะยื่นหนังสือลาออกจากกรรมการ ทีโอที และมีผลเป็นทางการในวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา
โดยนายประสิทธิ์ ชี้แจงถึงที่มาการได้บัตรสมาชิกสโมสรราชพฤกษ์ว่า บัตรดังกล่าว ขึ้นอยู่กับอำนาจของ กรรมการจัดการใหญ่ว่าจะไปมอบให้กรรมการบริษัทฯคนใด โดยบัตรสมาชิกนี้ ทีโอที เป็นผู้ดำเนินการสมัคร มีอยู่ทั้งหมด 3 ใบ ส่วนบัตรที่ได้รับมาเป็นของกรรมการชุดเก่า เมื่อกรรมการชุดนั้นลาออกไป นายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้น ได้นำมามอบให้ใช้ในปี 2555
“บัตรสมาชิกนี้ เดิมเขาให้บอร์ดเก่าใช้ เมื่อบอร์ดเก่าลาออกไป รวมทั้งเมื่อช่วงปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วม ก็ไม่มีใครใช้ แล้วกรรมการผู้จัดการใหญ่ตอนนั้นคือคุณอานนท์ ทับเที่ยง ก็เอามาให้ผมใช้ ผมก็ใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2555 มาจนถึงวันนี้ ก็ใช้มาประมาณ 27 เดือน คือปีแรกผมไม่ได้ไปตีก็ถูกบ่นว่าเสียของ เพราะบริษัทฯ เสียค่าเมมเบอร์แพง ปีที่สองผมก็ยังไม่ค่อยได้ไปตี เพิ่งมาตีปีสุดท้าย” นายประสิทธิ์ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีผู้ตั้งคำถามถึงหลักธรรมาภิบาล หรือความเหมาะสมเนื่องจากแม้จะเป็นบัตรสมาชิกที่บริษัทฯ จัดทำให้ แต่ในขณะที่นโยบายบริษัทฯ มุ่งเน้นการประหยัด นายประสิทธิ์ก็สามารถปฏิเสธได้
นายประสิทธิ์ตอบว่า " กรณีใครจะว่าผมในเรื่องนี้ ขอยอมรับว่าไปตีกอล์ฟจริง เนื่องจากบริษัทฯ จัดทำบัตรสมาชิกมาเพื่อให้ไปใช้ แต่เราจะใช้รับรองอะไรก็อยู่ที่ความเหมาะสมในแต่ละครั้ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปตีทุกวัน ไปแค่บางครั้งบางคราว คือเรื่องไปตีกอล์ฟ ผมยอมรับว่าผมไปตี แต่ไม่ขอพูดมากไปกว่านี้”
นายประสิทธิ์กล่าวด้วยว่า "คุณถามเรื่องธรรมภิบาลกับผมในการใช้เงินเรื่องนี้ แล้วคุณรู้ไหมว่าเงินล้านกว่าบาทนี่เป็นค่าอะไรบ้าง ในจำนวนนี้ รวมค่าสมัครสมาชิกรายปี รวมแล้วเฉพาะค่าสมาชิกก็หกแสนสี่หมื่นบาท"
“ค่าเมมเบอร์ก็หกแสนสี่หมื่นบาทแล้ว ส่วนที่ผมใช้นะผมให้เจ้าหน้าที่เช็คให้วานนี้ ส่วนที่ผมใช้ไปมีแค่ 4 แสนกว่าบาทเฉลี่ยแล้ว ผมใช้ปีละไม่ถึง 2 แสนบาท แต่ตัวเลขที่ถูกนำมาเปิดเผยนี่เป็นตัวเลขซ้ำซ้อน เพราะตัวเลขที่ส่งไปถึง สตง. เป็นตัวเลขที่เป็นค่าเมมเบอร์ด้วย”
นายประสิทธ์กล่าวว่า ยอดที่สูงขึ้นมา เช่น ยอดรวม 3 แสนบาทนั้น แท้ที่จริงคือรวม 5 เดือน ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากฝ่ายที่ต้องจ่ายเงินไม่ได้จ่ายไปก่อนหน้านี้ แต่รวมยอดจ่ายสามแสนกว่าบาทในครั้งเดียว ซึ่งเงินจำนวนนี้สะสมมา 5 เดือนกว่า
“แล้วที่มาด่าผมว่าใช้ล้านกว่าบาทนี่ มันมียอดเก่าสะสมรวมมาด้วยนะ เป็นยอดเก่าที่ค้างมา ใครที่ไหนเขาจะใช้เดือนละ 3 แสนบาท” นายประสิทธิ์ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสถาบันองค์กรอัยการหรือไม่ และนายประสิทธิ์คิดว่า อัยการเหมาะสมที่จะเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือไม่
นายประสิทธิ์ ยืนยันขอไม่ตอบคำถามดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า บ.ทีโอทีฯ เป็นสมาชิกสโมสรราชพฤกษ์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพราะเหตุใด จึงต้องสมัครสมาชิกที่สโมสรแห่งนี้ นายประสิทธิ์ตอบว่า "ไม่ทราบสาเหตุ ทราบเพียงว่าบ.ทีโอทีฯ เป็นสมาชิกที่นี่มาตั้งแต่ ปี 2548 แล้ว"
“ปัญหาคือผมขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมในช่วงที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง ทำไมจึงมาโจมตีผมด้วยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์อะไร ผมเองถูกโจมตีทางอินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว มีผู้ที่ไม่อยากให้ผมอยู่หรือเปล่า ผมก็ตั้งข้อสังเกตนะว่าทำไมความขัดแย้งนี่จึงเกิดขึ้นในช่วงนี้” นายประสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย
ภาพสนามกอล์ฟจาก : http://www.rajpruek.com