คุยก่อนบวช “เอกนัฎ พร้อมพันธุ์” ในวันที่(เขาว่า)กปปส.เป็นฝ่ายชนะ?
“…จะพูดว่าชนะหรือแพ้มันคงยาก คือการต่อสู้ของเราจริง ๆ ท่านชวน หลีกภัย พูดดีที่สุดว่า คนถามจะจบเมื่อไหร่ ชนะเมื่อไหร่ ท่านบอกว่า ชนะตั้งแต่ออกมาวันแรกแล้ว เพราะว่าคือการต่อสู้ของเรา ได้พลิกโฉม และได้เปลี่ยนประเทศไทย เราทำให้คนกล้าออกมาทำความดีที่จะต่อสู้กับความไม่ดี…”
กลายเป็นเรื่องฮือฮาไม่น้อย
ภายหลังที่นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชนแนล เปิดเผยว่า “เอกนัฎ พร้อมพันธุ์” หรือ “ขิง” โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เตรียมอุปสมบทในวันที่ 21 มิถุนายน 2557
โดยระบุเหตุผลว่า ต้องการอุทิศส่วนกุศาลให้กับประชาชนที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนหลายราย ระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อย่างยาวนานตลอด 7 เดือนของ กปปส.
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมว่า ณ ปัจจุบัน กปสส. คือ “ผู้ชนะ” ในการต่อสู้ทางการเมือง ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
“จะพูดว่าชนะหรือแพ้มันคงยาก คือการต่อสู้ของเราจริง ๆ ท่านชวน หลีกภัย พูดดีที่สุดว่า คนถามจะจบเมื่อไหร่ ชนะเมื่อไหร่ ท่านบอกว่า ชนะตั้งแต่ออกมาวันแรกแล้ว เพราะว่าคือการต่อสู้ของเรา ได้พลิกโฉม และได้เปลี่ยนประเทศไทย เราทำให้คนกล้าออกมาทำความดีที่จะต่อสู้กับความไม่ดี”
เป็นคำยืนยันจากปากของ “เอกนัฎ” ต่อคำครหาที่ว่า กปปส. ชนะด้วยเหตุที่ว่า คสช. ออกมายึดอำนาจ
ทำไม “เอกนัฎ” จึงกล่าวเช่นนั้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้
@กำหนดการวันอุปสมบท
เริ่มในวันที่ 21 มิถุนายน 2557 จะมีการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับในระหว่างการชุมนุม หลังจากนั้นจะจำวัดที่วัดชลประทานฯ ปากเกร็ด จนถึงวันที่ 23 มิถุนายน 2557 และจะย้ายไปจำวัดที่วัดป่าอัมพวัน จังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดการวันสึก คือบวชไปก่อน แต่เชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 2 – 3 สัปดาห์
@ในวันอุปสมบทแกนนำ กปปส. มาร่วมหมดทุกคนหรือไม่
ก็ได้เรียนเชิญไปทุกคน ก็คงมีมา ซึ่งผมก็เชิญแบบไม่ได้เป็นทางการเท่าไหร่ ก็แจ้งให้ทราบก็แล้วแต่สะดวก นี่เป็นงานบุญ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าให้ใครมา ก็แล้วแต่ว่าใครสะดวกมา แม้กระทั่งประชาชนใครอยากมาก็เรียนเชิญ
@ภายหลังการต่อสู้กับ กปปส. ทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เมื่อสึกออกมาจะกลับมาเล่นการเมืองต่อหรือไม่
ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย และผมยังไม่ได้คิดไปถึงตรงนั้น ที่เข้าใจคือเมื่อบวชจะขาดสมาชิกภาพของพรรคประชาธิปัตย์ และขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. เหมือนตัดขาดทางโลกเลย และผมตั้งใจเว้นวรรคทางการเมืองอยู่แล้ว
คือหลังจากได้ชุมนุมกับประชาชน ผมก็ได้ลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรคงไม่คิดกลับไปจนกว่าการเมืองจะได้รับการปฏิรูปอย่างแท้จริง เพราะกลับเข้าไปใหม่ก็ไม่ได้ประโยชน์เหมือนเดิม เข้าไปในระบบที่เสียหาย เราก็เห็นแล้วว่าไม่สามารถแก้ไขระบบมันได้ จนกระทั่งหลังจากการปฏิวัติ ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่จะมีการปฏิรูปการเมือง หวังว่าระบบการเมืองจะได้รับการปฏิรูป ถ้าปฏิรูปแล้วเป็นทางออกกับประเทศ เป็นประโยชน์กับประเทศ ก็มีโอกาสที่ผมจะกลับไป
@ก่อนตัดสินใจได้ปรึกษาคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ (เลขาธิการ กปปส.) หรือยัง
ก็คุยกับทุกคน เราตัดสินใจด้วยตัวเราเองก่อน ทุกคนก็งง คือวันหนึ่งหลังจากชุมนุมเสร็จ ผมก็พูดกับลุงกำนันสุเทพ กับคุณแม่ว่า ผมคิดตั้งนานแล้ว และตั้งใจที่จะบวชมาตั้งนานแล้ว และในระหว่างชุมนุมเราเป็นแกนนำ และก็มีคนที่ต้องมาร่วมชุมนุมกับเราต้องบาดเจ็บล้มตาย เราก็ต้องมีความรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าเราจะเยียวยาด้วยเงิน ด้วยอะไรก็แล้วแต่ จิตใจเราก็ยังไม่สงบ ก็เลยคิดว่าอยากจะบวช
ลุงกำนันสุเทพก็เห็นด้วยว่าก็ดี ถ้าเราตั้งใจเอง เรื่องแบบนี้บังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว ผมก็โตจนป่านนี้ ก็เลยถือโอกาสว่า เป็นตัวแทนแกนนำของ กปปส. แล้วก็มวลมหาประชาชนที่จะบวช และอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับในระหว่างการชุมนุมด้วยเลย
@ประเมินผลงานของ คสช. ในปัจจุบัน
ผมก็ไม่อยากไปวิจารณ์มากเดี๋ยวมันจะขัดเงื่อนไข ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองก็สงบก็เป็นโอกาสดีอยู่แล้ว ซึ่งผมเห็นคร่าว ๆ อย่างนี้ว่า ผมไม่คิดว่าที่ทหารเข้ามา ปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจให้กับตัวเองเพื่อหาประโยชน์ ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น ผมคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (หัวหน้า คสช.) และทหารทุกคน รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าถ้าเข้ามาตรงนี้ ต้องเสียสละ และก็คงเจอกับงานยาก แล้วก็คิดว่าการตัดสินใจของเขาเป็นการเสียสละ
ณ วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองสงบ คสช. มีอำนาจเต็มที่ คิดว่าเป็นโอกาสดีกับการปฏิรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่มวลมหาประชาชนต้องการเห็นมาโดยตลอด และเป็นโอกาสดีของประเทศเราด้วยที่จะได้พัฒนาระบบการเมือง พัฒนาระบบเศรษฐกิจ สังคม ให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง
@ก่อนหน้านี้ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กับ กปปส. ดูจะขัดแย้งกัน ขณะนี้เป็นอย่างไร
ไม่ได้แยก หรือไม่ได้กระทบอะไร เพียงแต่เป็นอิสระต่อกัน แกนนำก็ลาออกมาจากการเป็น ส.ส. เพื่อมานำการเคลื่อนไหวของประชาชน เราไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือวัตถุประสงค์ทางการเมืองแต่อย่างใด อันนั้นเป็นที่ชัดเจน ส่วนความคิดเห็นบางอย่างก็อาจมีตรง หรือต่างกับพรรคการเมืองบางพรรค หรือทุกพรรค บางครั้งก็เป็นได้
เพราะว่าการตัดสินใจของเรายึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนเท่านั้น ไม่มีเรื่องพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งกับพรรค เขาก็เดินหน้าของเขา เราก็เดินหน้าของเรา ส่วนคนในพรรคหลายคนก็อาจมาช่วย ก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลที่จะออกมาร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชน ก็ธรรมดา เราก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร
@ภายหลังการต่อสู้ทางการเมืองมาถึง 7 เดือนจนกระทั่ง คสช. ยึดอำนาจ กปปส. ชนะหรือยัง
จะพูดว่าชนะหรือแพ้มันคงยาก คือการต่อสู้ของเราจริง ๆ ท่านชวน หลีกภัย (ประธานที่ปรึกษา ปชป.) พูดดีที่สุดว่า คนถามจะจบเมื่อไหร่ ชนะเมื่อไหร่ ท่านบอกว่า ชนะตั้งแต่ออกมาวันแรกแล้ว เพราะว่าคือการต่อสู้ของเรา ได้พลิกโฉม และได้เปลี่ยนประเทศไทย เราทำให้คนกล้าออกมาทำความดีที่จะต่อสู้กับความไม่ดี อันนี้ชัดเจนมาก
ผมคิดว่า เมื่อคนตื่นรู้ ตรงนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จส่วนหนึ่ง ส่วนเรื่องของการปฏิรูปต้องติดตามดูต่อไป มันคงไม่จบภายใน 1 – 2 วัน ซึ่งถ้ามันดีจริงก็ต้องดู และต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ เราก็คงต้องรอติดตามต่อไป แต่จะพูดวันนี้ว่า เพราะทหารปฏิวัติแล้วเลยชนะ มันคงไม่ใช่ มันมองไม่ง่ายแบบนั้น
@หากรัฐบาลใหม่ไม่ดำเนินการตามแนวทางปฏิรูป กปปส. จะเคลื่อนไหวหรือไม่
ผมคิดว่าไม่ควรมองอะไรในทางลบ คือเราควรเปิดโอกาสให้เขาทำ ไม่ใช่พอออกมาปุ๊บก็ดักคอไว้เต็มที่เลยว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราก็เปิดกว้างและรับฟังกับทุกฝ่าย และก็เมื่อ คสช. เมื่อทหารเขายอมเสียสละออกมา ก็เห็นแนวโน้มการทำอะไรของเขาหลายอย่าง ผมเห็นว่ามีความเฉียบขาด และทำได้ค่อนข้างที่จะตรงกับสถานการณ์ในบ้านเมืองวันนี้
เราก็ขอรอดูต่อไป เปิดโอกาสให้เขาทำบ้าง เราก็ทำมามากแล้ว ทีนี้เราก็รอดู เราคาดหมายอะไรไว้ เก็บไว้อยู่ในใจและคอยติดตามดีกว่า บางทีการพูดจามันก็จะไปกระทบกับสถานการณ์ซึ่งมันไม่เป็นผลดีมากกว่า คนเบื่อนักการเมืองที่ออกมาพูดอย่างเดียวแล้ว วันนี้เราเงียบบ้าง ไม่พูดก็ดี ก็ให้คนอื่นเขาทำ พอคนอื่นเขาทำดี ก็ติดตามผลงานเขา ถ้าเขาทำไม่ดีก็ค่อยว่ากันต่อไป แต่ว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดมากในตอนนี้
@ตกลงว่าสุภาพสตรีโสดที่ถือหมอนเป็นใคร
(หัวเราะ) ยังไม่ได้วางแผนอะไรเอาไว้ คือเราคิดว่าเราบวช ไม่ได้คิดในรายละเอียดอะไรมากมาย ไม่ใช่บวชเพราะเบียด หรือบวชก่อนเบียด เราตั้งใจจะบวชจริง ๆ และไม่ได้คาดหมายว่าใครจะถือหมอนหรอก ถ้าเกิดแย่งกันมาก หรือว่าไม่มี ก็จะให้น้องสาวเป็นคนถือ เพราะว่ายังโสดอยู่ สู้มาตั้งนานก็ดี จะได้ไม่ต้องเป็นปัญหา
ถ้าไม่มี หรือแย่งกันหลายคน ก็ไม่เป็นไร สับสนกันต่อไป ให้น้องสาวผมน่าจะดีที่สุด ลดความขัดแย้ง (หัวเราะ)
ทั้งหมดนี้คือความในใจของ "เอกนัฎ" โฆษก กปปส. ในมุมมองความเคลื่อนไหวทางการเมือง และการปฏิรูปประเทศตามวัตถุประสงค์ของ กปปส. ก่อนก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ รับใช้พระพุทธศาสนาต่อไป !
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก tnews