เกือบเดือน! คสช.ยังไม่พูดถึงปัญหาใต้...กับ 3 เรื่องที่คนชายแดนใต้รอความชัดเจน
ด้วยภาระหน้าที่การเป็นนักข่าว ทำให้ต้องติดตามประกาศ คำสั่ง และการออกรายการคืนความสุขให้คนในชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ตลอดตั้งแต่วันที่ประกาศยึดอำนาจการปกครอง เมื่อ 22 พ.ค.57
แม้จะเกาะติดไม่ครบทั้ง 100% แต่ก็ได้ไปถามไถ่คนอื่นๆ เพิ่มเติม คิดว่าไม่น่าผิดพลาด สรุปได้ว่าตั้งแต่เข้าควบคุมการปกครองเมื่อ 22 พ.ค.57 คสช.ได้มีการสื่อสารถึงประชาชนในรูปแบบต่างๆ มากมาย และส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารทางเดียวเสียด้วย แต่กลับไม่เคยพูดถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบตรงๆ เลย ทั้งๆ ที่เป็น "วาระแห่งชาติ" ของทุกรัฐบาลตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
และทั้งๆ ที่ที่ชายแดนใต้ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ก็ยังมีคนตาย มีเหตุร้าย พูดง่ายๆ คือสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นหากเทียบกับช่วงก่อนวันที่ 22 พ.ค. แต่ทำไมถึงไม่มีการพูดถึง
มี 2-3 สิ่งที่ คสช.ทำ และมีผลถึงปัญหาภาคใต้ คือ
หนึ่ง สั่งย้าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งเป็นข้าราชการที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนในพื้นที่
สอง การส่ง นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดมหาดไทย เข้าไปเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่
สาม การเรียกตัวผู้กว้างขวางในพื้นที่เข้ารายงานตัว 2 คน ตามคำสั่ง คสช.ที่ 50/2557 ซึ่งในคำสั่งนี้มีผู้ถูกเรียกตัว 12 ราย จำนวนหนึ่งเคยมีประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมาย
นี่คือสิ่งที่ คสช.ทำตลอดเกือบ 1 เดือนหลังเข้าควบคุมอำนาจการปกครอง แต่กลับไม่มีประกาศหรือคำสั่งพิเศษใดๆ เกี่ยวกับปัญหาที่ปลายด้ามขวาน ทั้งๆ ที่ปัญหาอื่นแทบทุกปัญหา คสช.เข้าไปแตะหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง พลังงาน บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ราคาสินค้าเกษตร ไปจนถึงการปราบปรามบ่อนการพนัน ตู้ม้า โต๊ะบอล รุกป่า วินรถตู้ มอเตอร์ไซค์ หรือแม้กระทั่งแรงงานต่างด้าว
ทั้งหมดกระทำด้วยอาการขึงขัง จริงจัง ในบริบทของการจัดระเบียบ ล้างทุจริต ส่วย สินบน จนบางเรื่องกลายเป็นข่าวลือวุ่นไปเหมือนกัน อย่างเช่นเรื่องแรงงานเขมร
แต่น่าแปลกที่ไม่มีปัญหาภาคใต้รวมอยู่ด้วยเลย...
ตั้งแต่หลังการรัฐประหารมีเหตุการณ์รุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นไม่น้อยเหมือนกัน เช่น เหตุระเบิดกว่า 20 จุดในเขต อ.เมืองปัตตานี เมื่อ 24 พ.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีกกว่าครึ่งร้อย ทั้งในกลุ่มผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมีเด็กรวมอยู่ด้วยหลายคน เพราะเป็นระเบิดในเขตชุมชนเมือง, เหตุระเบิดถึงในรั้วโรงพยาบาลโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อ 28 พ.ค. ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย
และล่าสุดก็เพิ่งมีเหตุคนร้ายกราดกระสุนถล่มร้านขายของชำริมทางที่ ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิตไปอีก 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ทั้งๆ ที่พื้นที่นี้เคยเป็นตำบลและอำเภอสันติสุข เป็นที่ตั้งของน้ำตกทรายขาวอันสวยงาม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของปัตตานี
การที่ คสช.ไม่ได้มีมาตรการพิเศษอะไรเกี่ยวกับปัญหาที่ปลายด้ามขวาน ทำให้มีกระแสคาดการณ์กันว่าอาจเป็นเพราะ 1.แม่ทัพภาค 4 คนปัจจุบัน คือ พล.ท.วลิต โรจนภักดี เป็นน้องรักที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้ใจและเชื่อมือ ทำให้ไม่ค่อยเป็นห่วง 2.กองทัพบกในนาม กอ.รมน.มีสถานะเสมือนเป็นเจ้าภาพในภารกิจดับไฟใต้อยู่แล้ว และ 3.ปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ระยะยาว จึงยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องเข้าไปจัดระเบียบกันในตอนนี้ ผิดกับปัญหาอื่นที่ คสช.อาจเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนมากกว่า
นี่คือเหตุผลจากการคาดการณ์ อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็อยากถ่ายทอดความรู้สึกของคนในพื้นที่ให้ฟังเหมือนกันว่า พวกเขาเฝ้ามองและรอความชัดเจนจาก คสช.อยู่ว่าจะเอาอย่างไรกับปัญหาภาคใต้ อย่างน้อยๆ ก็ 2-3 เรื่อง
หนึ่ง คือ การพูดคุยสันติภาพจะเอาอย่างไรต่อ เพราะกระบวนการพูดคุยที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยริเริ่มไว้ แม้จะมีจุดอ่อนอันสำคัญ แต่ก็มีข้อดีที่ควรสานต่อ และคนในพื้นที่ก็ตั้งความหวัง ทั้งยังให้การสนับสนุนไม่น้อย
สอง คือ โครงสร้างการบริหารจัดการปัญหาภาคใต้จะเอากันอย่างไร เพราะกลไกที่วางไว้ในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย อย่าง ศปก.กปต. วันนี้ก็มีอันต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย ล่าสุดมีข่าวจะปรับสายการบังคับบัญชาให้แม่ทัพภาค 4 คุมเบ็ดเสร็จเหมือนยุคก่อนมีกฎหมาย ศอ.บต. เรื่องนี้จริงหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ
สาม คือ เหตุรุนแรงที่เป็นเหตุทางความมั่นคง จากฝีมือขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ฝ่ายรัฐบอกว่าลดลงมาก แต่ไปโป่งที่ปัญหาการเมืองท้องถิ่น และการขัดผลประโยชน์เรื่องธุรกิจผิดกฎหมายนั้น คสช.จะแก้ไขอย่างไร
เพราะคนจากชายแดนใต้ที่ คสช.เรียกรายงานตัวในบัญชีเดียวกับผู้ที่มีประวัติค้ายาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมายนั้น ชาวบ้านเขาบอกว่าความจริงมีมากกว่านี้เยอะ โดยเฉพาะกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อน
ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่รัฐที่รับส่วยจนอ้วน ก็ยังไม่มีใครถูกย้าย ทั้งที่ชาวบ้านเขารู้กันดีว่าอิทธิพลของกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายคือต้นตอสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้ลุกเป็นไฟ!