ฟัง“บิ๊กตู่”แจงงานสัปดาห์ที่ 2 เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-ดันรถไฟรางคู่
ฟังชัด ๆ “ประยุทธ์” แจงงานสัปดาห์ที่ 2 เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ดันรถไฟรางคู่ สืบสวนจับกุมเครือข่ายกำลังเอี่ยวนักการเมือง – กลุ่มทุน เน้นใช้กฎหมายปกติ เร่งปรองดองสมานฉันท์ทุกฝ่าย ยันครม.ขับเคลื่อนเต็มที่ ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557 เวลา 20.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการ “คืนความสุข” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ตอนหนึ่ง ดังนี้
เรื่องความมั่นคง นับตั้งแต่การประกาศใช้กฎอัยการศึกตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา มีการจับกุมอาวุธปืนสงคราม 88 กระบอก อาวุธปืนเถื่อน 1,268 กระบอก กระสุน 7 พันกว่านัด วัตถุระเบิด 300 ลูก และมีการจับกุมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้จะเร่งดำนเนการต่อไป โดยปัจจุบันการติดตามสืบสวนจับกุมเครือข่ายกองกำลังต่าง ๆ หรือมีการเกี่ยวข้องคืบหน้าไปมาก ปัจจุบันการตรวจสอบพบเครือข่าย สนับสนุน และเกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งส่วนของกลุ่มการเมือง และกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย
ส่วนกรณีการยกเลิกกฎอัยการศึกบางมาตรา โดยมีมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานนั้น ได้ประกาศยกเลิกไปแล้ว 4 ครั้ง ตามประกาศ คสช.ที่ 52 54 และ 60 รวม 30 พื้นที่ 25 จังหวัดเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศในการท่องเที่ยว ผ่อนคลาย และบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะยกเลิกได้ทุกพื้นที่หรือไม่ และจะรีบดำเนินการโดยเร็ว
ที่ผ่านมาในส่วนการทำงานของเจ้าหน้าที่มุ่งเน้นการใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก การปราบปราม การกระทำผิดกฎหมาย เช่น การปราบปรามยาเสพติด หรือขบวนการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น ได้ระดมหน่วยงานทั้งความมั่นคง และส่วนราชการอื่น ๆ มาร่วมกันทำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ และเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนความคืบหน้าในการสร้างความเข้าใจนั้น ขณะนี้การเรียกบุคคลมารายงานตัว ได้รับความร่วมมืออย่างดี และทุกฝ่ายพร้อมสนับสนุนการปรองดองสมานฉันท์ โดยเบื้องต้นได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการปรองดองแล้ว 56 จังหวัด มียอดคนเข้าร่วมหลายแสนคน ในจำนวน 319 หมู่บ้าน ทั้งนี้มีการพบปะพูดคุยกัน โดยปราศจากแกนนำ เพื่อให้ได้รู้ข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนแล้ว
สำหรับการสร้างแผนปรองดองระยะที่ 1 เพื่อลดความขัดแย้งนั้น ได้จัดกิจกรรมให้ประชาชนมาพบปะกัน รับฟังความเห็นต่างซึ่งกันและกัน ในทุกแง่ทุกมุม เพราะที่ผ่านมาจะฟังแต่เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ ลดความหวาดระแวง และให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะมีการบังคับใช้กฎหมายแต่เพียงพอดี ทำให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม เช่น ตำรวจ อัยการ ศาล ดังนั้นทุกอย่างต้องใช้เวลา และขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน
เรื่องการเดินหน้าปฏิรูปนั้น ในระยะที่ 1 ช่วง 3 เดือนแรกมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนระยะที่ 2 จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ถ้าไม่มีปัญหาแทรกซ้อนใด ๆ น่าจะเดินได้ตามที่เตรียมการไว้ โดยระยะที่ 1 กำหนดไว้ชัดเจนว่า น่าจะมีรัฐบาลในเดือนกันยายน เพื่อจะได้เข้ามาบริหารดำเนินการขับเคลื่อนประเทศ ส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต้องเกิดก่อน พร้อมกับการประกาศใช้ธรรมนูญชั่วคราว หลังจากนั้นในเดือนตุลาคมเป็นต้นไป คงเป็นการบริหารประเทศในลักษณะที่มีรัฐบาล มีคณะรัฐมนตรี และดำเนินการขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์แบบปกติที่ผ่านมาให้มากที่สุด
สำหรับสถานการณ์ต่างประเทศ ปัจจุบันมิตรประเทศทั้งหลายเริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้น เข้าใจมากขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐยังเป็นปกติ อย่างไรก็ดีเรากำลังส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยกับประเทศต่าง ๆ เรียกความเชื่อมั่นในเวทีต่างประเทศ ทั้งการทูต ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคเอกชน อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้มีการพบปะหารือกับเอกอัครราชทูตไทยประจำต่างประเทศแล้วกว่า 20 ประเทศ เพื่อมอบหมายให้ดำเนินการสร้างความเข้าใจ และข้อเท็จจริงในการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. พร้อมกับชี้แจงแนวทางการดำเนินงาน และการปฏิรูป รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจการค้าที่เรายังคงดำรงไว้เช่นเดิมอีกด้วย
ส่วนในด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตวิทยา ได้มีการตั้งคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อให้โครงการมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมช่วยกันตรวจสอบหารือนโยบายต่าง ๆ ให้คุ้มค่ามีประสิทธิภาพ และมีประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน โดยไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา
นอกจากนี้โครงการใดที่เราตรวจสอบว่าไม่เหมาะสม เราก็จะหยุด โดยขั้นต้นเราจะตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่ที่มีวงเงินเกิน 1 พันล้านบาทก่อนว่าจะมีการดำเนินการต่อไปหรือไม่ อย่างไร อย่างไรก็ดีจะมีการตรวจสอบโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการ รวมไปถึงโครงการที่อนุมัติไปแล้วด้วย เพื่อคลายความสงสัยของประชาชน โดยเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณต้องระมัดระวัง ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งนี้การจะกล่าวหาว่าใครทุจริตต้องมีการพิสูจน์ และมีหลักฐานชัดเจน
ด้านเศรษฐกิจนั้น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริภาคดีขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคคลายกังวลทางการเมืองมากขึ้น ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งขึ้น และนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติมเป็นจำนวนเงิน 8 พันล้านบาท ถึง 9 พันล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนการท่องเที่ยวในปัจจุบันแม้จะลดลง แต่อยากให้ย้อนกลับไปดูก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ว่ามีสถานการณ์เป็นอย่างไร ตั้งแต่มีความขัดแย้งทางการเมือง นักท่องเที่ยวก็ลดลงเพราะปัญหาดังกล่าว แต่วันนี้ปรับตัวในฐานะดีขึ้น ยังไม่อยากใช้คำว่าปกติ อย่างไรก็ดีขณะนี้ความผ่อนคลาย ปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น โดยขณะนี้พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากตามลำดับ
สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาวให้กับชาวนาก็มีความก้าวหน้าไปมาก คือจ่ายไปแล้ว 1 แสนกว่าราย วงเงินประมาณ 7 หมื่นกว่าล้านบาท คิดเป็นร้อย 79 ของทั้งหมด โดยจะเร่งดำเนินการให้ทันตามกำหนดเดิม ส่วนในฤดูกาลหน้าจะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณานโยบายจัดการข้าว เพื่อเร่งรัดช่วยเหลือเกษตรกร และประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องเกษตรกรทราบ โดยรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ระหว่างพิจารณา ทั้งนี้ต้องครอบคลุมไปถึงผลิตผลการเกษตรอื่น ๆ ด้วย
ด้านการบริหารจัดการน้ำนั้น มีการประชุมทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปแล้ว โดยจะนำแผนเศรษฐกิจฉบับที่ 11 มาดูว่า เฉพาะเรื่องบริการจัดการน้ำ พบว่ามีปัญหาด้านเอกภาพ และการดำเนินการตามแผนงบประมาณของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และถ้าทำได้ตามแผนระยะในปี 2557 จะสามารถเริ่มได้ก่อน และบูรณาการตามแผนเศรษฐกิจ 11 ต่อไป แต่คงไม่ใช่แค่เรื่องบริหารจัดการน้ำอย่างเดียว เพราะแผนเศรษฐกิจฉบับที่ 11 กำหนดหลายเรื่อง
ด้านการจัดการแรงงานต่างด้าว พบว่า ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวประมาณ 9 หมื่นคน ที่ยังไม่ได้อยู่ในการควบคุมอย่างชัดเจน วันนี้ได้มีการกำหนดให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เป็นผู้รับผิดชอบในการเชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาบูรณาการ และบริการภาพรวมเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้มีแนวคิดที่จะจัดตั้งศูนย์รอพิสูจน์สัญชาติเพื่อแก้ไขปัญหา โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเปิดพื้นทีเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวเข้ามาพื้นที่ตอนใน เพื่อสร้างให้เขามีรายได้ และคนไทยก็มีงานทำ จะสามารถลดปัญหาอาชญากรรม และยาเสพติดที่แฝงเข้ามาได้เยอะ รวมไปถึงการลดปัญหาสวมสิทธิ์ผลิตผลการเกษตรอีกด้วย
ด้านปัญหาโครงสร้างพลังงาน ได้กำหนดแนวทางให้นำข้อสงสัยของประชาชนมาเป็นโจทย์ เพื่อสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยต้องตอบเป็นภาษาที่ง่าย ๆ ไม่ต้องเป็นทางการ เพราะที่ผ่านมาขาดการสื่อสารที่ดี ทำให้เกิดความขัดแย้งมาตลอด นอกจากนี้ยังมีแนวคิดจัดหาพลังงานทดแทนไว้ใช้ในอนาคตด้วย โดยเบื้องต้นคงต้องขอข้อมูลจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพราะเป็นบริษัทที่เป็นทั้งรัฐวิสาหกิจ และเป็นบริษัทมหาชน ส่วนราคาต่าง ๆ เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่เราต้องพิจารณาอีกครั้ง เพื่อไม่ต้องการให้เป็นภาระต่อค่าครองชีพของประชาชน และไม่กระทบต่อโครงสร้างรายได้ของประเทศ
ส่วนการส่งเสริมการลงทุน คสช.ได้จัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฯ หรือบีโอไอ เรียบร้อยแล้ว โดยรวบรวมทุกภาคส่วนที่เกีย่วข้อง และจะรีบเริ่มการประชุมโดยเร็ว เนื่องจากมีโครงการต่าง ๆ กว่า 400 โครงการ รวมวงเงินกว่า 4.6 แสนล้านบาท โดยจะทำให้เสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อขับเคลื่อนการลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ทั้งนี้จะเน้นในด้านอุตสาหกรรมเป็นหลัก
ด้านการลงทุนสร้างรถไฟรางคู่ และรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนั้น จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนปี 2557 เพื่อเป็นของขวัญ และกำลังใจให้ประชาชน โดยส่วนตัวก็อยากได้รถไฟรางคู่มานานแล้วเช่นกัน
ขณะที่การย้ายข้าราชการ จะย้ายเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เกิดบรรยากาศภายในองค์กรให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนงาน และแก้ปัญหาเร่งด่วน ส่วนการปรับย้ายตามวาระในเดือนตุลาคมนั้น ให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับเรื่องการศึกษาก็จะมีการปรับปรุงใหม่ทั้งระบบ มุ่งเน้นด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ รู้จักสิทธิและหน้าที่ เน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เด็กมีคุณภาพ