"คสช." สั่ง "กสทช." หาแนวทางคืนความสุขคนไทย ดูถ่ายทอดสดบอลโลก
คสช. สั่ง กสทช. หาแนวทางคืนความสุขคนไทย ดูถ่ายทอดสดบอลโลก เชิญอาร์เอสร่วมประชุมด่วน หลังศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้บริษัทฯชนะคดีไปแล้ว
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก พล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. ว่าได้รับการประสานงานจาก คสช. ในการหาแนวทางคืนความสุขให้กับประชาชนในการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 64 ผ่านฟรีทีวี ภายหลังจากศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาคดีถึงที่สุดแล้วในวันนี้ พร้อมกันนี้ สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือด่วนที่สุดเชิญบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเมนท์ จำกัด หารือแนวทางการดำเนินการดังกล่าว ในวันที่11 มิ.ย. 2557 เวลา 17.00 น.
นอกจากนั้น ประธาน กสทช. ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุน กทปส. ในวันพรุ่งนี้ 12 มิ.ย. 2557 เวลา 9.00 น. เพื่อหารือแนวทางในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนดังกล่าว และจะประชุม กสทช. ในเวลา 11.00 น. ซึ่งในการประชุมจะพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ ผลออกมาเป็นอย่างไรจะแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบต่อไป
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าวันที่ 11 มิถุนายน 2557 เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำพิพากษาให้ยกเลิกกฎมัสต์ แฮฟ ( Must have ) หรือประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการ โทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปและมิให้นำประกาศดังกล่าวมาใช้กับการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งเป็นคดีพิพาทระหว่างบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้ฟ้องคดี กับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่ 1 กับพวกรวม 12 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี)
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ในประเด็นสำคัญตอนหนึ่งว่า บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ประกอบกิจการเป็นตัวแทนการขาย ซึ่งประกอบกิจการที่ไม่ใช่คลื่นความถี่ ให้บริการระบบโทรทัศน์ดาวเทียม 4 ช่อง และได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จาก สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) เมื่อวันที่ 12 กันยายา 2548
นอกจากนี้ ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อ 3 ประกอบกับรายการลำดับ 7 ของภาคผนวก ตามประกาศของ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ ได้เฉพาะ ในบริการโทรทัศน์ ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 ที่กำหนดให้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นรายการโทรทัศน์ ที่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ภายใต้การให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปเท่นั้นเป็นกฎที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลเห็นว่า คณะกรรมการ กสทช. มีอำนาจออกประกาศ ที่พิพาท ตาม มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ( 6 ) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553
และถึงแม้ว่า ประกาศดังกล่าว จะเป็นการจำกัดสิทธิของผู้ฟ้องคดีแต่ก็เป็นการกระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมาย และประกาศดังกล่าว ดำเนินการโดยไม่เกินความจำเป็น และไม่กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิของผู้ฟ้องคดี นอกจากนี้ การออก ประกาศที่พิพาท มีเจตนารมณ์ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ สาธารณะ กรณีนี้ จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า ประกาศ ที่พิพาท ขัดต่อบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ และผู้ฟ้องคดี มีสิทธิเผยแพร่งานดังกล่าวต่อสาธารณชน ได้แต่เพียงผู้เดียว ในประเทศไทย
ซึ่งประกาศที่พิพาท มิได้จำกัดสิทธิของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวแต่อย่างใด แต่หากวิธีการ หรือช่องทางการเผยแพร่ดังกล่าว มีบทบัญญัติ ของกฎหมายใดควบคุม ผู้ฟ้องคดี ก็ต้องดำเนินการหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด คือ พระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 โดยประกาศที่พิพาท มิได้ห้ามมิให้ผู้ฟ้องคดีแสวงหาผลประโยชน์หรือเผยแพร่ทางโทรทัศน์ทั้งหมดแต่อย่างใด จึงไม่ใช่กรณีที่ประกาศที่พิพาท ขัดต่อ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ( 2 ) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ทั้งนี้ ศาลชี้ว่าบริษัทอาร์เอสฯ ผู้ฟ้องคดี ในฐานะผู้รับสิทธิดังกล่าวสามารถนำไปดำเนินการได้หลายช่องทางตามที่เห็นว่าได้ประโยชน์
ส่วนกรณีที่ กสทช. ออกประกาศว่าจะถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกตามโทรทัศน์ทั่วไป ศาลพิเคราะห์ว่าการนำหลักเกณฑ์มาบังคับใช้ ไม่เป็นธรรมกับผู้ฟ้องคดี จึงไม่อาจนำประกาศดังกล่าวมาใช้บังคับกับบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด ในคดีนี้ได้
ในที่สุด ศาลพิพากษาให้เพิกถอน ข้อ 3 ประกอบกับรายการลำดับ 7 ของภาคผนวก ตามประกาศของ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ ได้เฉพาะ ในบริการโทรทัศน์ ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 โดยกำหนดเงื่อนไขให้การเพิกถอนมีผลเฉพาะแก่ผู้ฟ้องคดี ในการแพร่ภาพ และเสียงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี 2014 เท่านั้น ทั้งนี้ นับแต่วันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ โดยประกาศดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปในกรณีอื่นอยู่เช่นเดิม